อิสลามผู้พิชิต : เส้นทางการเผยแผ่อิสลามโดยนักซูฟีย์เองก็เป็นเส้นทางที่กว้างไกลเช่นกัน
(อาลี เสือสมิง)
ดังนั้นอิสลามจึงมีวิถีทางในการเผยแผ่อยู่หลายวิถีทางโดยมิต้องมีการทำสงครามและการใช้ความรุนแรง ส่วนหนึ่งก็คือนักเผยแผ่ที่ได้ยอมอุทิศและเสียสละเพื่อนำอิสามสู่การรับรู้ของผู้คนโดยมิได้ขึ้นอยู่กับองค์กรหรือระบอบใด ๆ เราจะพบว่า กลุ่มซูฟีย์สายต่าง ๆ นับเป็นวิถีทางที่สำคัญประการหนึ่งในการนำพาอิสลามสู่ดินแดนต่าง ๆ ที่อิสลามสามารถไปถึงอย่างง่ายดาย ทั้งนี้เพราะกลุ่มซูฟีย์จะมีการจัดระบบที่รัดกุมชัดเจน มีระดับขั้นของผู้คนที่ขึ้นกับกลุ่มซูฟีย์แต่ละสาย
พร้อมทั้งสามารถปลูกฝังความศรัทธาที่มั่นคงแน่นแฟ้นให้เกิดขึ้นในหัวใจของผู้คน จึงเป็นเรื่องปกติที่การจัดระบบของกลุ่มซูฟีย์จะเป็นตัวแปรสำคัญในการแพร่หลายของอิสลาม นักซูฟีย์ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดของกลุ่มจะถือว่าตัวเองเป็นผู้เรียกร้องสู่อิสลาม ในดินแดนอิสลามพวกเขาจะทำหน้าที่สร้างศรัทธาอันมั่นคงแก่ผู้คน และความเชื่อมั่นของผู้คนที่มีต่อนักซูฟีย์ก็จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อนักซูฟีย์ผู้นั้นมีความจริงใจในการเรียกร้อง
ส่วนในดินแดนที่มิใช่อิสลาม นักซูฟีย์ก็คือผู้นำพาการศรัทธาและเป็นผู้เผยแผ่หลักความเชื่อในเวลาเดียวกัน ไม่จำเป็นว่านักซูฟีย์จะต้องเป็นผู้ที่ปลีกตัวจากโลกนี้เพื่อประกอบศาสนกิจและทำหน้าที่เรียกร้องสู่อิสลามเพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วมีบรรดาสานุศิษย์ที่ยึดมั่นในแนวทางซูฟีย์อีกเป็นจำนวนมากที่ประกอบอาชีพพ่อค้าและกลุ่มอาชีพแขนงต่าง ๆ สานุศิษย์เหล่านี้ได้รับเอาคำสัตยาบันที่มอบไว้ให้กับครูของตนและดำเนินตามวิถีปฏิบัติที่เคร่งครัดพร้อมกับเสริมสร้างคุณธรรมแห่งการศรัทธาอันถูกต้อง ยึดมั่นในจริยธรรมอันสูงส่ง ปฏิบัติศาสนกิจเป็นหลัก มีความจริงใจในการปฏิบัติกับผู้คนรอบข้าง และมีความพอเพียงในปัจจัยยังชีพที่ถูกต้องตามหลักการของศาสนา
ในบางครั้งปัจจัยยังชีพของพวกเขาอาจจะเพิ่มพูนมากขึ้นจนกลายเป็นผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินและการนับน่าถือตาของผู้คนในสังคม สิ่งดังกล่าวจึงมีส่วนช่วยอย่างมากในการเผยแผ่คำเชิญชวนเรียกร้อง ทั้งนี้เพราะผู้ที่คบค้าสมาคมกับนักซูฟีย์ได้ประจักษ์เห็นถึงสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพอันกว้างขวางแก่นักซูฟีย์ผู้นั้น และได้เห็นถึงความสมถะและการปฏิบัติชอบตลอดจนการไม่ยึดติดกับโลกนี้ การศรัทธาจึงคืบคลานเข้าสู่หัวใจของพวกเขา จนในที่สุดพวกเขาก็เข้ารับอิสลามด้วยความยินดี
ท่านอัสสะอฺดีย์ นักประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรกาน่า ซึ่งเป็นอาณาจักรอิสลามที่รุ่งเรืองในแอฟริกาตะวันตกได้เล่าถึงเรื่องราวของพ่อค้าคนหนึ่งจากเผ่าอัลโฟล่า ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองอูดาเฆชต์ ในช่วงแรก ๆ ที่พ่อค้าผู้นี้ได้ทำงานให้กับผู้นำของเผ่าคนหนึ่ง ต่อมาพระผู้เป็นเจ้าก็ได้ทรงชี้นำให้เขาได้เข้ารับอิสลามโดยการชักชวนของนักซูฟีย์คนหนึ่งจากสายอัตตีญานียะห์ เขาจึงมุ่งทำการปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัด ประจำอยู่กับมัสยิดในเมืองและมีความซื่อสัตย์ในการรับใช้ผู้เป็นเจ้านาย
เจ้านายของเขาก็ให้ความรักความไว้วางใจและมอบทรัพย์สินก้อนหนึ่งเพื่อทำทุนในการค้าขาย ผู้คนที่เป็นพ่อค้าด้วยกันก็มีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อบุคคลผู้นี้ในการทำการค้าระหว่างกันจนกระทั่งในที่สุดเขาก็ได้กลายเป็นผู้ร่ำรวย แต่ถึงกระนั้นเขาผู้นี้ก็ยังคงมีความเคร่งครัดต่อการใช้ชีวิตอย่างสมถะและให้การช่วยเหลือผู้คนที่ตกยากตลอดจนมีจริยธรรมอันสูงและอยู่กับมัสยิดเสมอ พ่อค้านักซูฟีย์ผู้นี้ได้บริจาคทรัพย์สินเพื่อสร้างสถานที่ประกอบศาสนกิจของนักซูฟีย์ หลายต่อหลายแห่ง
ผู้นำเผ่าที่เป็นนายเก่าก็ได้แต่งงานลูกสาวของตนให้กับเขา เมื่อนางได้เห็นถึงการปฏิบัติตัวและความมีจริยธรรมอันงดงามของสามี นางก็ศรัทธาและเข้ารับอิสลามและนางก็คงชักชวนบิดาของนางจนกระทั่งเข้ารับอิสลาม และผู้คนในเผ่าทั้งหมดก็เข้ารับอิสลามพร้อมกับผู้นำของพวกเขาในวันเดียวกันนั้น ซึ่งมีจำนวนถึง 12,000 คน ผู้นำเผ่าก็สละทรัพย์ของตนทั้งหมดเพื่อสร้างมัสยิดหลังใหญ่ขึ้น โดยมุ่งประกอบศาสนกิจในมัสยิดแห่งนั้น และยังได้ยกบ้านของตนให้เป็นที่พักค้างแรมของผู้เดินทาง ดังนั้นย่อมไม่มีบุคคลใดที่จะมีความดีความชอบในเขตดินแดนนี้มากไปกว่าบุคคลผู้นี้ที่มีส่วนในการเผยแผ่อิสลาม
พร้อมทั้งสามารถปลูกฝังความศรัทธาที่มั่นคงแน่นแฟ้นให้เกิดขึ้นในหัวใจของผู้คน จึงเป็นเรื่องปกติที่การจัดระบบของกลุ่มซูฟีย์จะเป็นตัวแปรสำคัญในการแพร่หลายของอิสลาม นักซูฟีย์ทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดของกลุ่มจะถือว่าตัวเองเป็นผู้เรียกร้องสู่อิสลาม ในดินแดนอิสลามพวกเขาจะทำหน้าที่สร้างศรัทธาอันมั่นคงแก่ผู้คน และความเชื่อมั่นของผู้คนที่มีต่อนักซูฟีย์ก็จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อนักซูฟีย์ผู้นั้นมีความจริงใจในการเรียกร้อง
ส่วนในดินแดนที่มิใช่อิสลาม นักซูฟีย์ก็คือผู้นำพาการศรัทธาและเป็นผู้เผยแผ่หลักความเชื่อในเวลาเดียวกัน ไม่จำเป็นว่านักซูฟีย์จะต้องเป็นผู้ที่ปลีกตัวจากโลกนี้เพื่อประกอบศาสนกิจและทำหน้าที่เรียกร้องสู่อิสลามเพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วมีบรรดาสานุศิษย์ที่ยึดมั่นในแนวทางซูฟีย์อีกเป็นจำนวนมากที่ประกอบอาชีพพ่อค้าและกลุ่มอาชีพแขนงต่าง ๆ สานุศิษย์เหล่านี้ได้รับเอาคำสัตยาบันที่มอบไว้ให้กับครูของตนและดำเนินตามวิถีปฏิบัติที่เคร่งครัดพร้อมกับเสริมสร้างคุณธรรมแห่งการศรัทธาอันถูกต้อง ยึดมั่นในจริยธรรมอันสูงส่ง ปฏิบัติศาสนกิจเป็นหลัก มีความจริงใจในการปฏิบัติกับผู้คนรอบข้าง และมีความพอเพียงในปัจจัยยังชีพที่ถูกต้องตามหลักการของศาสนา
ในบางครั้งปัจจัยยังชีพของพวกเขาอาจจะเพิ่มพูนมากขึ้นจนกลายเป็นผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินและการนับน่าถือตาของผู้คนในสังคม สิ่งดังกล่าวจึงมีส่วนช่วยอย่างมากในการเผยแผ่คำเชิญชวนเรียกร้อง ทั้งนี้เพราะผู้ที่คบค้าสมาคมกับนักซูฟีย์ได้ประจักษ์เห็นถึงสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพอันกว้างขวางแก่นักซูฟีย์ผู้นั้น และได้เห็นถึงความสมถะและการปฏิบัติชอบตลอดจนการไม่ยึดติดกับโลกนี้ การศรัทธาจึงคืบคลานเข้าสู่หัวใจของพวกเขา จนในที่สุดพวกเขาก็เข้ารับอิสลามด้วยความยินดี
ท่านอัสสะอฺดีย์ นักประวัติศาสตร์แห่งอาณาจักรกาน่า ซึ่งเป็นอาณาจักรอิสลามที่รุ่งเรืองในแอฟริกาตะวันตกได้เล่าถึงเรื่องราวของพ่อค้าคนหนึ่งจากเผ่าอัลโฟล่า ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในเมืองอูดาเฆชต์ ในช่วงแรก ๆ ที่พ่อค้าผู้นี้ได้ทำงานให้กับผู้นำของเผ่าคนหนึ่ง ต่อมาพระผู้เป็นเจ้าก็ได้ทรงชี้นำให้เขาได้เข้ารับอิสลามโดยการชักชวนของนักซูฟีย์คนหนึ่งจากสายอัตตีญานียะห์ เขาจึงมุ่งทำการปฏิบัติศาสนกิจอย่างเคร่งครัด ประจำอยู่กับมัสยิดในเมืองและมีความซื่อสัตย์ในการรับใช้ผู้เป็นเจ้านาย
เจ้านายของเขาก็ให้ความรักความไว้วางใจและมอบทรัพย์สินก้อนหนึ่งเพื่อทำทุนในการค้าขาย ผู้คนที่เป็นพ่อค้าด้วยกันก็มีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อบุคคลผู้นี้ในการทำการค้าระหว่างกันจนกระทั่งในที่สุดเขาก็ได้กลายเป็นผู้ร่ำรวย แต่ถึงกระนั้นเขาผู้นี้ก็ยังคงมีความเคร่งครัดต่อการใช้ชีวิตอย่างสมถะและให้การช่วยเหลือผู้คนที่ตกยากตลอดจนมีจริยธรรมอันสูงและอยู่กับมัสยิดเสมอ พ่อค้านักซูฟีย์ผู้นี้ได้บริจาคทรัพย์สินเพื่อสร้างสถานที่ประกอบศาสนกิจของนักซูฟีย์ หลายต่อหลายแห่ง
ผู้นำเผ่าที่เป็นนายเก่าก็ได้แต่งงานลูกสาวของตนให้กับเขา เมื่อนางได้เห็นถึงการปฏิบัติตัวและความมีจริยธรรมอันงดงามของสามี นางก็ศรัทธาและเข้ารับอิสลามและนางก็คงชักชวนบิดาของนางจนกระทั่งเข้ารับอิสลาม และผู้คนในเผ่าทั้งหมดก็เข้ารับอิสลามพร้อมกับผู้นำของพวกเขาในวันเดียวกันนั้น ซึ่งมีจำนวนถึง 12,000 คน ผู้นำเผ่าก็สละทรัพย์ของตนทั้งหมดเพื่อสร้างมัสยิดหลังใหญ่ขึ้น โดยมุ่งประกอบศาสนกิจในมัสยิดแห่งนั้น และยังได้ยกบ้านของตนให้เป็นที่พักค้างแรมของผู้เดินทาง ดังนั้นย่อมไม่มีบุคคลใดที่จะมีความดีความชอบในเขตดินแดนนี้มากไปกว่าบุคคลผู้นี้ที่มีส่วนในการเผยแผ่อิสลาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น