อิสลามผู้พิชิต : การประกอบพิธีฮัจญ์
(อาลี เสือสมิง)
เส้นทางอิสลามอันยิ่งใหญ่อันดับสามก็คือ การประกอบพิธีฮัจญ์ การประกอบพิธีฮัจญ์มิใช่เส้นทางหากแต่เป็นการประกอบศาสนกิจที่สำคัญในหลักการอิสลาม การประกอบศาสนกิจประการดังกล่าวได้นำไปสู่การกำหนดเส้นทางของผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ อันเป็นเส้นทางที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งบางครั้งก็ใช้เส้นทางเดียวกันกับเส้นทางการค้าแต่ทว่าในบางครั้งก็มีการกำหนดเส้นทางสายหลักเป็นการเฉพาะ
เส้นทางต่างๆ ของการประกอบพิธีฮัจญ์เหล่านี้เป็นเส้นทางที่คลาคล่ำไปด้วยความเจริญตลอดทั้งปี ทั้งนี้เพราะเขตดินแดนในการเข้าสู่การประกอบพิธีฮัจญ์นั้นถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอน หากแต่ว่าช่วงเวลาในการออกเดินทางของขบวนผู้ทำฮัจญ์กลับไม่มีกำหนดแน่นอน
เป็นต้นว่าขบวนผู้ทำฮัจญ์จากดินแดนทางตะวันตกของโลกอิสลามในแอฟริกาเหนืออาจจะเคลื่อนขบวนสู่นครมักกะฮฺก่อนหน้าพิธีฮัจญ์เป็นเวลา 1 ปี ขบวนผู้ทำฮัจญ์จากประเทศกีเนียอาจจะออกเดินทางล่วงหน้าถึง 2 ปี ในขณะที่ขบวนผู้ทำฮัจญ์ของอินโดนีเซีย อาจจะออกเดินทางล่วงหน้าก่อนพิธีฮัจญ์เป็นเวลาหลายปี เพราะต้องเดินทางทั้งทางบกและทางทะเล และในท่าเรือทุกแห่งจะมีเหล่าฮุจญ๊าจรอคอยเวลาของเรือเดินทะเลที่จะมาแวะจอด หรือรอคอยเวลาที่เรือจะออกเมื่อการเดินทางในช่วงต่อมาเป็นการใช้เส้นทางทางบก
สิ่งดังกล่าวย่อมมีความหมายบ่งชี้ได้ว่า เส้นทางการประกอบพิธีฮัจญ์ทั้งหลายแหล่ย่อมมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาในช่วงรอบปี ในการเดินทางท่องโลกของอิบนุ บัตตูเตาะห์มีรายละเอียดที่สร้างความกระจ่างถึงสิ่งดังกล่าวได้อย่างชัดเจนที่สุด ทั้งนี้เพราะการมุ่งไปสู่การประกอบพิธีฮัจญ์คือแรงจูงใจสำคัญสำหรับอิบนุบัตตูเตาะห์ในการเดินทางท่องโลกของเขา
อิบนุบัตตูเตาะห์จะออกเดินทางตระเวนไปทั่วดินแดนต่างๆ และหลังจากนั้นเขาก็จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์เมื่อเสร็จสิ้นพิธีฮัจญ์ เขาก็จะออกเดินทางกลับสู่มาตุภูมิของตน ผ่านไปยังดินแดนต่างๆ และก็เริ่มผจญภัยครั้งใหม่เมื่อต้องการจะทำการประกอบพิธีฮัจญ์
เส้นทางของผู้ทำฮัจญ์ในเบื้องต้นจะผ่านไปในดินแดนที่อาจจะไม่มีมุสลิมปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ ดังนั้นเส้นทางต่างๆ เหล่านี้จึงนับเป็นสาเหตุสำคัญในการที่ผู้คนในดินแดนที่อยู่ตามเส้นทางฮัจญ์เข้ารับอิสลาม ขณะที่เราได้มาถึงช่วงศตวรรษที่ 5 แห่งฮิจเราะห์ศักราช/ศตวรรษที่ 11 เราก็จะพบว่า เส้นทางสู่การประกอบพิธีฮัจญ์นั้นได้ตั้งอยู่ในดินแดนของอาณาจักรอิสลาม ความดีความชอบในเรื่องดังกล่าวก็ย่อมย้อนกลับไปสู่อิสลามเองเป็นกรณีแรก และสู่การทำฮัจญ์เป็นกรณีถัดมา
เส้นทางต่างๆ ของการประกอบพิธีฮัจญ์เหล่านี้เป็นเส้นทางที่คลาคล่ำไปด้วยความเจริญตลอดทั้งปี ทั้งนี้เพราะเขตดินแดนในการเข้าสู่การประกอบพิธีฮัจญ์นั้นถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอน หากแต่ว่าช่วงเวลาในการออกเดินทางของขบวนผู้ทำฮัจญ์กลับไม่มีกำหนดแน่นอน
เป็นต้นว่าขบวนผู้ทำฮัจญ์จากดินแดนทางตะวันตกของโลกอิสลามในแอฟริกาเหนืออาจจะเคลื่อนขบวนสู่นครมักกะฮฺก่อนหน้าพิธีฮัจญ์เป็นเวลา 1 ปี ขบวนผู้ทำฮัจญ์จากประเทศกีเนียอาจจะออกเดินทางล่วงหน้าถึง 2 ปี ในขณะที่ขบวนผู้ทำฮัจญ์ของอินโดนีเซีย อาจจะออกเดินทางล่วงหน้าก่อนพิธีฮัจญ์เป็นเวลาหลายปี เพราะต้องเดินทางทั้งทางบกและทางทะเล และในท่าเรือทุกแห่งจะมีเหล่าฮุจญ๊าจรอคอยเวลาของเรือเดินทะเลที่จะมาแวะจอด หรือรอคอยเวลาที่เรือจะออกเมื่อการเดินทางในช่วงต่อมาเป็นการใช้เส้นทางทางบก
สิ่งดังกล่าวย่อมมีความหมายบ่งชี้ได้ว่า เส้นทางการประกอบพิธีฮัจญ์ทั้งหลายแหล่ย่อมมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาในช่วงรอบปี ในการเดินทางท่องโลกของอิบนุ บัตตูเตาะห์มีรายละเอียดที่สร้างความกระจ่างถึงสิ่งดังกล่าวได้อย่างชัดเจนที่สุด ทั้งนี้เพราะการมุ่งไปสู่การประกอบพิธีฮัจญ์คือแรงจูงใจสำคัญสำหรับอิบนุบัตตูเตาะห์ในการเดินทางท่องโลกของเขา
อิบนุบัตตูเตาะห์จะออกเดินทางตระเวนไปทั่วดินแดนต่างๆ และหลังจากนั้นเขาก็จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์เมื่อเสร็จสิ้นพิธีฮัจญ์ เขาก็จะออกเดินทางกลับสู่มาตุภูมิของตน ผ่านไปยังดินแดนต่างๆ และก็เริ่มผจญภัยครั้งใหม่เมื่อต้องการจะทำการประกอบพิธีฮัจญ์
เส้นทางของผู้ทำฮัจญ์ในเบื้องต้นจะผ่านไปในดินแดนที่อาจจะไม่มีมุสลิมปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ ดังนั้นเส้นทางต่างๆ เหล่านี้จึงนับเป็นสาเหตุสำคัญในการที่ผู้คนในดินแดนที่อยู่ตามเส้นทางฮัจญ์เข้ารับอิสลาม ขณะที่เราได้มาถึงช่วงศตวรรษที่ 5 แห่งฮิจเราะห์ศักราช/ศตวรรษที่ 11 เราก็จะพบว่า เส้นทางสู่การประกอบพิธีฮัจญ์นั้นได้ตั้งอยู่ในดินแดนของอาณาจักรอิสลาม ความดีความชอบในเรื่องดังกล่าวก็ย่อมย้อนกลับไปสู่อิสลามเองเป็นกรณีแรก และสู่การทำฮัจญ์เป็นกรณีถัดมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น