product :

วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561

ฟิกฮฺในยุคสมัยของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม

ฟิกฮฺในยุคสมัยของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม


ยุคสมัยของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม คือช่วงเวลาอันประเสริฐที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งการประทาน อัลกุรอาน ฟิกฮฺในยุคนี้จึงเรียกได้ว่าเป็น “ฟิกฮุล วะห์ยฺ” นั่นคือฟิกฮฺที่มาจากพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา โดยพระองค์จะทรงประทานฮุก่มต่างๆ ลงมายังท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ในรูปของโองการอัลกุรอานหรือซุนนะฮฺ แล้วท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็ทำการเผยแพร่สิ่งนั้นสู่บรรดาเศาะหาบะฮฺของท่าน

ในยุคนี้ยังไม่มีการจำกัดความหรือบัญญัติคำว่า “ฟิกฮฺ” ว่าหมายถึงศาสตร์ที่ว่าด้วยฮุก่มภาคปฏิบัติ ดังที่เข้าใจกันในยุคหลัง แต่ฟิกฮฺในยุคนี้ได้ครอบคลุมทุกๆ ด้านของบทบัญญัติอิสลามไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะกีดะฮฺ (หลักการยึดมั่น) หรืออิบาดาต (หลักการปฏิบัติ) ซึ่งเราอาจจะแบ่งฟิกฮฺในยุคนี้ออกเป็นสองระยะด้วยกันคือ

1 – ณ เมืองมักกะฮฺ

คือช่วงเวลาร่วม 13 ปี นับจากที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนบี ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวบทบัญญัติอิสลามจะเน้นหนักไปในเรื่องของหลักการยึดมั่นศรัทธา การห้ามการทำชิริก (ตั้งภาคีต่อพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา) และเรื่องของจรรยามารยาทต่างๆ ในอิสลามเสียส่วนใหญ่ แทบจะไม่มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับหลักการปฏิบัติเลย นอกจากการละหมาด ซึ่งในช่วงแรกๆ นั้นหมายถึงการละหมาดสองเวลาเช้า-เย็น (จนกระทั่งคืนอิสรออฺ เมียะรอจญฺ ที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ขึ้นไปรับบทบัญญัติการละหมาดห้าเวลา ณ พระองค์อัลลอฮฺตะอาลา) และซะกาตซึ่ง ณ เวลานั้นหมายถึงการเศาะดะเกาะฮฺให้ทานที่ไม่ใช่วาญิบ (กระทั่งมีบัญญัติในปีที่สองหลังการฮิจญฺเราะฮฺว่าซะกาตคือการให้ทานที่เป็นวาญิบ)

2 – ณ เมืองมะดีนะฮฺ

หลังจากที่อัลลอฮฺตะอาลาทรงอนุญาตให้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทำการฮิจญฺเราะฮฺไปยังเมืองมะดีนะฮฺและก่อตั้งรัฐอิสลามขึ้น ก็เริ่มมีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับหลักการปฏิบัติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวบุคคล หรือที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในสังคม เช่น บทบัญญัติเกี่ยวกับหลักอิบาดาต การญิฮาด การแต่งงานและความสัมพันธ์ในครอบครัว บทบัญญัติเกี่ยวกับความผิดทางอาญาและบทลงโทษ การซื้อ-ขายและการทำธุรกรรมต่างๆ สิทธิและหน้าที่ระหว่างผู้ปกครองกับผู้ใต้ปกครอง รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และบทบัญญัติอื่นๆ ที่ครอบคลุมทุกๆ ด้าน ทุกๆ แง่มุมของชีวิต

รูปแบบของการบัญญัติฮูก่มในยุคนี้


สรุปรูปแบบหรือแนวทางการบัญญัติหุก่มในยุคนี้ได้เป็น 2 ลักษณะ คือ

1 – เกิดเหตุการณ์ ปัญหา หรือคำถามที่ต้องการคำตอบหรือบทบัญญัติทางศาสนาขึ้น ในกรณีเช่นนี้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จะรอการประทานคำตอบหรือฮูก่มจากพระองค์อัลลอฮฺตะอาลาก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งพระองค์จะทรงประทานโองการอัลกุรอานลงมายังท่านเพื่อเป็นการตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหานั้นๆ หรืออาจจะเป็นในรูปของฮะดีษ แต่ในบางครั้งอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นโดยไม่มีการประทานฮูก่มจากพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา ซึ่งในกรณีนี้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็จะทำการอิจญ์ติฮาด (ใช้ความพยายามในการหาฮูก่มของปัญหา) ซึ่งหากถูกต้องพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา ก็จะทรงเห็นชอบ แต่หากการอิจญ์ติฮาดนั้นไม่ถูกต้องพระองค์ก็จะทรงประทานโองการระบุถึงสิ่งที่ถูกต้อง ดังเช่นกรณีของเชลยศึกชาวมุชริกีนในสงครามบะดัร เมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมตัดสินให้ไถ่ตัวไปได้ อัลลอฮฺก็ทรงประทานโองการตำหนิการตัดสินใจของท่าน เป็นต้น

ตัวอย่างของการบัญญัติฮูก่มประเภทนี้ ก็เช่น ครั้งหนึ่งเศาะหาบะฮฺได้ถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เกี่ยวกับเลือดประจำเดือน พระองค์อัลลอฮฺตะอาลาก็ทรงประทานโองการตอบคำถามนั้นในซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ : 222 และเมื่อเศาะหาบะฮฺถามท่านถึงน้ำทะเล ท่านก็ตอบไปว่าน้ำทะเลนั้นสะอาดและสัตว์น้ำที่ตายในทะเลก็เป็นที่อนุมัติให้รับประทานได้ ดังปรากฏในตัวบทฮะดีษ (อบูดาวูด 83, อัตติรมิซีย์ 69, อันนะสาอีย์ 332 และ 4350 , อิบนุ มาญะฮฺ 386 และ 3264) ทั้งนี้ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ตอบไปด้วยโองการที่ลงมายังท่าน เป็นต้น

2 – บทบัญญัติที่ถูกบัญญัติขึ้นโดยที่ไม่มีคำถาม หรือ เหตุการณ์ใดๆ เป็นสาเหตุของการบัญญัติ ทั้งนี้ก็เพราะว่าพระองค์อัลลอฮฺตะอาลานั้นทรงรอบรู้ถึงความต้องการ และสิ่งที่จำเป็นต่อมนุษย์สำหรับการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ เพราะบทบัญญัติอิสลามนั้นไม่ได้เป็นเพียงคำตอบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสังคมใหม่ขึ้นด้วยกฏเกณฑ์และระเบียบที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในสังคม และการกำหนดหน้าที่ของบ่าวที่พึงมีต่อเอกองค์อัลลอฮฺตะอาลาเพื่อเป็นรากฐานอันมั่นคงของสังคมสืบต่อไป ตัวอย่างของการบัญญัติฮุก่มประเภทนี้ก็เช่น การกำหนดให้มีการชูรอ (ปรึกษาหารือ) หรือการแจกแจงวิธีการจ่ายซะกาต เป็นต้น

ลักษณะเด่นของการบัญญัติหุก่มในยุคนี้


1 – เป็นการบัญญัติแบบทีละขั้น ค่อยเป็นค่อยไป

กล่าวคือ บทบัญญัติทั้งหมดไม่ได้ถูกบัญญัติขึ้นในคราวเดียวแต่เป็นการบัญญัติทีละขั้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากน้อยไปสู่มาก ง่ายไปสู่ยาก ตลอดระยะเวลา 23 ปี ยกตัวอย่างเช่น บทบัญญัติการละหมาดซึ่งในขั้นแรกนั้นกำหนดให้ละหมาดวันละสองเวลาเช้า-เย็น แล้วจึงเพิ่มเป็นห้าเวลา การห้ามดื่มเหล้าก็เช่นกัน เป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอนไม่ได้ห้ามเด็ดขาดในคราวเดียว เป็นต้น ซึ่งวิธีการเช่นนี้ทำให้ไม่รู้สึกยากลำบากในการที่จะน้อมรับและปฏิบัติตาม

2 – การปฏิเสธสิ่งที่จะทำให้เกิดความยากลำบาก

ซึ่งลักษณะข้อนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะบทบัญญัติในยุคนี้เท่านั้นแต่ยังครอบคลุมบทบัญญัติอิสลามในทุกยุคทุกสมัย กล่าวคือบทบัญญัติอิสลามนั้นไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินความสามารถของมนุษย์ และหากว่ามีอุปสรรคใดๆ ที่จะมาทำให้การปฏิบัติตามบทบัญญัติอิสลามนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก อิสลามก็จะมีทางออกให้ด้วยการผ่อนปรน อนุโลมและอนุญาตให้ปฏิบัติเท่าที่ความสามารถจะมี เช่น ในกรณีที่เกิดการเจ็บป่วย เดินทาง หลงลืม หรือพลาดพลั้ง อิสลามก็จะมีบทบัญญัติเฉพาะที่เป็นทางออกของผู้ที่ประสบกับกรณีนั้นๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหากเราพิจารณาดูบทบัญญัติอิสลามทั้งหมดจะพบว่ามีน้อยมากและแต่ละอย่างก็ใช้เวลาปฏิบัติไม่มาก เมื่อเทียบกับเวลาที่เรามี จึงไม่ถือเป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิตเลยแม้แต่น้อย

3 – การแทนที่บทบัญญัติใดบทบัญญัติหนึ่งด้วยบทบัญญัติที่ดีกว่า (นัซคฺ)

กล่าวคือ พระองค์อัลลอฮฺตะอาลา อาจจะทรงบัญญัติฮุก่มหนึ่งขึ้นมาเพื่อใช้ในระยะเวลาหนึ่ง โดยที่พระองค์ทรงรู้ว่าเมื่อถึงเวลาอันควรพระองค์จะทรงแทนที่ฮุก่มนั้นด้วยฮุก่มอื่นที่เหมาะกับเวลานั้นมากกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้พระองค์ทรงรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็เป็นไปด้วยฮิกมะฮฺ (วิทยปัญญาและเหตุผล) ของพระองค์เพราะพระองค์ทรงรอบรู้ในทุกๆ สิ่ง ตัวอย่างของการนัซคฺ ก็เช่นบทบัญญัติที่เกี่ยวกับอิดดะฮฺ (การครองตนโดยไม่แต่งงาน) ของหญิงที่สามีตาย ซึ่งในระยะแรกนั้นอิดดะฮฺของนางคือ 1 ปีเต็ม ตามที่ปรากฏในอัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ : 240 หลังจากนั้นพระองค์อัลลอฮฺตะอาลาก็ทรงเปลี่ยนให้เป็น 4 เดือน กับ 10 วันดังปรากฏในซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ : 234 เป็นต้น

ไม่มีการคิลาฟ (การขัดแย้งทางทัศนะ) ในยุคนี้


เนื่องจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม มีชีวิตอยู่ในยุคนี้ และท่านก็เป็นผู้บอกฮุก่มที่มาจากพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา เมื่อมีปัญหาใดๆ ทุกคนก็จะกลับไปหาท่าน สอบถามท่าน กล่าวคือ บทบัญญัติทั้งหมดนั้นล้วนมาจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ พร้อมคำอธิบายและการตอบข้อซักถามของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จึงไม่มีการขัดแย้งทางทัศนะเกิดขึ้นในยุคนี้

การจดบันทึกในยุคนี้


ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้ตั้งให้เศาะหาบะฮฺบางท่านทำหน้าที่บันทึกโองการอัลกุรอานที่ถูกประทานลงมายังท่าน เช่น ท่านเซด บิน ษาบิต หรือท่านอะลี บิน อบีฏอลิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา และท่านอื่นๆ ในส่วนของหะดีษนั้น ช่วงแรกๆ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้ห้ามให้บันทึกเพราะเกรงว่าจะสับสนกับอัลกุรอาน แต่ภายหลังท่านก็อนุญาตให้บันทึกไว้ได้ ซึ่งหนึ่งในผู้ที่ทำการบันทึกฮะดีษของท่านในยุคนี้ ก็คือท่านอับดุลลอฮฺ บิน อัมร์ บิน อัลอาศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ

วันที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จากไปนั้น อัลกุรอานล้วนถูกบันทึกไว้ทั้งหมดแล้ว เพียงแต่อยู่กระจัดกระจายและยังไม่ได้ถูกรวบรวมเป็นเล่ม แต่กระนั้นเศาะหาบะฮฺหลายๆ ท่านก็ท่องจำอัลกุรอานขึ้นใจ จนกระทั่งสมัยของท่านอบูบักรฺ เราะฎิยัลลอฮฺอันฮฺ ที่เริ่มมีการรวบรวมอัลกุรอาน และเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในยุคท่านอุษมาน บิน อัฟฟาน เราะฎิยัลลอฮอันฮฺ ซึ่งถือว่าเป็นการรวบรวมขั้นสุดท้าย

ในส่วนของฮะดีษ ถึงแม้จะไม่มีการจดบันทึกไว้ทั้งหมด แต่บรรดาเศาะหาบะฮฺก็ท่องจำขึ้นใจเช่นกัน ทั้งนี้ แต่ละท่านก็ท่องจำมากน้อยต่างกันไป ที่สำคัญคือ ซุนนะฮฺทั้งหมดของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้รับการท่องจำและรายงานต่ออย่างครบถ้วนสมบูรณ์

ข้อสรุป


จะเห็นได้ว่าฟิกฮฺในยุคของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม นั้นยังไม่ได้ถูกจำกัดความเช่นที่เราเข้าใจกันทุกวันนี้ แต่ฟิกฮฺในยุคนั้นหมายถึงความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบัญญัติอิสลามในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นในด้านอะกีดะฮฺหลักการยึดมั่น อิบาดาตหลักการปฏิบัติ หรือ จรรยามารยาทต่างๆในอิสลาม และการบัญญัติฮุก่มในยุคนั้นก็ยึดเพียงอัลกุรอานและฮะดีษเป็นหลัก เมื่อเกิดปัญหาหรือข้อสงสัยใดๆ ทุกคนก็จะกลับไปถามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทันที จึงไม่มีข้อขัดแย้งทางทัศนะใดๆ เกิดขึ้น

แหล่งอ้างอิงและศึกษาเพิ่มเติมได้จาก :

1- ตารีค อัตตัชรีอฺ อัลอิสลามีย์ – เขียนโดย เชค มันนาอฺ อัลก็อฏฏอน
2- อัลมัดค็อล ลิ ดิรอซะฮฺ อัชชะรีอะติล อิสลามิยะฮฺ – เขียนโดย ศ.ดร.อับดุลกะรีม ซัยดาน
3- อัลมัดค็อล อิลา อัชชะรีอะฮฺ วัล ฟิกฮฺ อัลอิสลามีย์ – เขียนโดย ศ.ดร.อุมัรฺ อัลอัชก็อรฺ

แหล่งที่มา : https://siammuslim.wordpress.com/


#นิติศาสตร์อิสลาม_Islamic_Society_Online
#ปราชญ์ในนิติศาสตร์อิสลาม_Islamic_Society_Online
Islamic Society Online


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความแนะนำ

World Clock

Featured Posts

เรื่องราวของสองอารยธรรม : อารยธรรมของชาวไวกิ้งและมุสลิม

เรื่องราวของสองอารยธรรม : อารยธรรมของชาวไวกิ้งและมุสลิม โดย : Cem Nizamoglu และ Sairah Yassir-Deane ย้อนหลังไปถึงมีนาคม 2015 ข่าวเกี่ยวก...