product :

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2561

กฎหมายอิสลามเบื้องต้น : กฎหมายอาญาว่าด้วยเรื่องข้อห้ามเกี่ยวกับการใส่ร้าย

กฎหมายอิสลามเบื้องต้น : กฎหมายอาญาว่าด้วยเรื่องข้อห้ามเกี่ยวกับการใส่ร้าย

(อาลี เสือสมิง)

การใส่ร้าย เรียกในภาษาอาหรับว่า อัล-กอซฺฟ์ (اَلْقَذْفُ) ซึ่งมีความหมายตามหลักภาษาว่า การขว้าง, การโยน เป็นต้น ส่วนความหมายตามคำนิยามในกฎหมายลักษณะอาญา คือ การใส่ร้ายผู้อื่นว่ากระทำผิดประเวณี (ซินา) ในลักษณะของการบริภาษด่าทอและการใช้สำนวนบ่งบอก อาทิเช่น บุคคลหนึ่งได้กล่าวกับอีกบุคคลหนึ่งว่า โอ้ ผู้ทำผิดประเวณี หรือกล่าวว่า เขาได้เห็นบุคคลผู้นั้นทำผิดประเวณี หรือ เขาได้ทำสิ่งอนาจารอย่างนั้นอย่างนี้จากการผิดประเวณีหรือรักร่วมเพศ เป็นต้น



กฎหมายอิสลามเบื้องต้น : ลักษณะอาญาและบทลงโทษในกฎหมายอิสลาม ว่าด้วยเรื่องข้อห้ามเกี่ยวกับการใส่ร้าย


ข้อชี้ขาดของการใส่ร้าย

การใส่ร้ายหรือกล่าวหามุสลิมว่ากระทำผิดประเวณีถือเป็นสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม) และเป็นบาปใหญ่ ไม่ว่าผู้กล่าวหานั้นจะพูดจริงในการกล่าวหาหรือโกหกก็ตาม ในกรณีที่โกหกย่อมถือว่าผู้นั้นใส่ร้ายและอธรรมต่อผู้อื่นซึ่งการโกหกถือเป็นสิ่งต้องห้ามที่น่ารังเกียจที่สุด ส่วนในกรณีที่เขาพูดจริง ก็ย่อมถือว่าการกล่าวหานั้นเป็นการเปิดเผยความลับ และละเมิดต่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีของผู้อื่น ผู้ใดที่ใส่ร้ายหรือกล่าวหาผู้อื่นว่ากระทำผิดประเวณีศาสนาถือว่าเป็นคนเลว (ฟาซิก) และขาดคุณสมบัติแห่งความมีคุณธรรมและมีโทษสถานหนักที่ศาสนากำหนดเอาไว้

ดังปรากฏหลักฐานจากอัลกุรฺอานว่า


وَالَّذِينَ يَرْمُونَ الْمُحْصَنَاتِ ثُمَّ لَمْ يَأْتُوا بِأَرْبَعَةِ شُهَدَاء فَاجْلِدُوهُمْ

ثَمَانِينَ جَلْدَةً وَلَا تَقْبَلُوا لَهُمْ شَهَادَةً أَبَدًا وَأُوْلَئِكَ هُمُ الْفَاسِقُونَ

إِلاَّ الَّذِينَ تَابُوا مِن بَعْدِ ذَلِكَ وَأَصْلَحُوا فَإِنَّ اللهَ غَفُورٌ رَّحِيمٌ


และบรรดาผู้ซึ่งพวกเขาใส่ร้ายสตรีที่สมรสแล้วทั้งหลาย (ว่าผิดประเวณี) แล้วพวกเขาไม่นำพยานสี่คนมายืนยัน ดังนั้นพวกท่านจงเฆี่ยนพวกเขาแปดสิบครั้ง และพวกท่านอย่ารับการเป็นพยานสำหรับพวกเขาตลอดไป และพวกเขาคือบรรดาผู้ประพฤติชั่ว ยกเว้นบรรดาผู้ที่สำนึกผิดภายหลังการดังกล่าวและปรับปรุงตัว ดังนั้นแน่แท้อัลลอฮฺทรงอภัยยิ่งอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง

(ซูเราะฮฺอัน-นูร อายะฮฺที่ 4-5)


บทลงโทษการใส่ร้ายในเรื่องผิดประเวณี

บทลงโทษในคดีใส่ร้ายในเรื่องผิดประเวณีคือการเฆี่ยนด้วยแส้แปดสิบที และไม่รับการเป็นพยานของผู้ใส่ร้าย ยกเว้นเมื่อเขาผู้นั้นสำนึกผิดและกลับตัวแล้วเท่านั้น หลักฐานยืนยันในเรื่องนี้คือ อายะฮฺอัลกุรฺอานที่ 4-5 จาก ซูเราะฮฺอัน-นูร ข้างต้น และฮะดีษที่รายงานว่า ท่านนบี (صلى الله عليه وسلم) ได้สั่งเฆียนกลุ่มชนที่กล่าวหาและใส่ร้ายท่านหญิงอาอิซะฮฺ (ร.ฏ.) จำนวนแปดสิบที (รายงานโดยอัลฮัยซะมีในมัจญ์มะอฺ อัซซะวาอิด 6/280)

เงื่อนไขในการลงโทษผู้ใส่ร้ายในเรื่องผิดประเวณี

ในการลงโทษผู้กระทำผิดในข้อหาการใส่ร้ายนี้จำต้องมีเงื่อนไขครบสมบูรณ์ 10 ประการ ดังนี้

เงื่อนไข 5 ประการในตัวผู้กระทำผิดข้อหาใส่ร้าย คือ

  • ต้องเป็นผู้บรรลุศาสนภาวะแล้ว
  • ต้องมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ไม่เป็นบ้าวิกลจริต
  • ผู้กระทำความผิดต้องมิใช่บุพการีของผู้ที่ถูกใส่ร้ายเช่น บิดา, ปู่, มารดา, ย่า หรือยาย เป็นต้น
  • ต้องกระทำไปโดยสมัครใจมิได้ถูกบังคับ
  • ผู้กระทำผิดต้องรู้ว่าการใส่ร้ายในเรื่องนี้เป็นที่ต้องห้าม (ฮะรอม)

เงื่อนไข 5 ประการในตัวผู้ถูกใส่ร้าย

  • เป็นมุสลิม
  • บรรลุศาสนภาวะ
  • มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์
  • ต้องเป็นผู้บริสุทธิ์ในเรื่องเพศ กล่าวคือ ไม่เคยได้รับการยืนยันว่าได้ผิดประเวณีมาก่อน
  • การใส่ร้ายนั้นไม่ได้เป็นไปด้วยการสมยอมหรือการอนุญาตของผู้ถูกใส่ร้าย

ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าเงื่อนไขดังกล่าวไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ การลงโทษก็เป็นอันตกไป แต่ผู้ปกครองหรือผู้มีอำนาจสามารถลงโทษผู้กระทำผิดได้ตามดุลยพินิจซึ่งมิใช่เป็นการลงโทษตามที่ศาสนาบัญญัติเอาไว้ เช่น คุมขัง หรือ ตี เป็นต้น

สิ่งที่ทำให้การลงโทษในข้อหาใส่ร้ายตกไป

การลงโทษผู้กระทำผิดในข้อหาใส่ร้ายผู้อื่นว่าผิดประเวณีจะตกไปด้วย 3 ประการดังต่อไปนี้ คือ

  1. มีพยานยืนยันว่ามีการผิดประเวณีเกิดขึ้นจริงหรือผู้ถูกกล่าวหาให้การยอมรับสารภาพ ดังนั้นเมื่อมีพยานอีกสามคนที่มีคุณสมบัติในการเป็นพยานได้เข้าร่วมกับผู้กล่าวหาและทั้งหมดยืนยันว่ามีการผิดประเวณีด้วยคำพูดที่ชัดเจนหรือผู้ถูกกล่าวหาให้การยอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหา การลงโทษในข้อหาใส่ร้ายผู้อื่นว่าผิดประเวณีเป็นอันตกไป โดยเปลี่ยนไปสู่ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งต้องถูกดำเนินการลงโทษในข้อหาผิดประเวณี แต่ถ้าหากมีพยานยืนยันน้อยกว่า 3 คนพร้อมด้วยผู้กล่าวหา การเป็นพยานนี้ถือว่าไม่ถูกรับรองและบุคคลทั้งหมดถือเป็นผู้กระทำผิดและต้องถูกลงโทษทั้งหมด
  2. ผู้ถูกใส่ร้ายอภัยให้แก่ผู้ใส่ร้ายหรือกล่าวหาต่อหน้าผู้พิพากษา
  3. มีการลิอาน เกิดขึ้นในกรณีที่ผู้กล่าวหาเป็นสามีและผู้ถูกกล่าวหาเป็นภรรยา

เงื่อนไขของผู้เป็นพยาน

พยานแต่ละคนจะต้องเป็นชาย ดังนั้นหากพยานเป็นหญิงสี่คน การเป็นพยานของพวกนางย่อมไม่ถูกยอมรับและจำต้องดำเนินบทลงโทษต่อพวกนางในข้อหาใส่ร้ายผู้อื่นว่าผิดประเวณีและผู้เป็นพยานต้องเป็นเสรีชน มิใช่ทาส และจะต้องเป็นมุสลิม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความแนะนำ

World Clock

Featured Posts

เรื่องราวของสองอารยธรรม : อารยธรรมของชาวไวกิ้งและมุสลิม

เรื่องราวของสองอารยธรรม : อารยธรรมของชาวไวกิ้งและมุสลิม โดย : Cem Nizamoglu และ Sairah Yassir-Deane ย้อนหลังไปถึงมีนาคม 2015 ข่าวเกี่ยวก...