เรื่องเล่าจากหะดีษ
หะดิษบุคอรีย์ ว่าด้วยกรณีตื่นไม่ทันเวลาละหมาดซุบฮ์
มุซัดดัด ได้เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า ยะห์ยา อิบนุสะอี๊ด เล่าให้เราฟัง โดยกล่าวว่า เอาวฟ์ เล่าให้เราฟังโดยกล่าวว่า อบู รอญาอ์ เล่าให้เราฟังจาก อิมรอน กล่าวว่า : พวกเราได้เดินทางพร้อมกับท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ในครั้งหนึ่ง และพวกเราได้เดินทางต่อในยามกลางคืน จนกระทั่งถึงปลายคืน พวกเราจึงได้หยุดพักนอน ณ.สถานที่หนึ่ง และไม่มีการพักนอนครั้งใดที่จะหวานหอมไปยิ่งกว่า การพักนอนของผู้เดินทางในช่วงปลายคืน โดยไม่มีผู้ใดปลุกเรานอกจากความร้อนของดวงอาทิตย์ ปรากฏว่าผู้ที่ตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกๆคือคนนั้น,คนนั้นและคนนั้น ตามด้วยอุมัร อิบนุ้ล ค๊อตต็อบ เป็นคนที่สี่ แต่ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมนั้น เมื่อท่านนอนหลับก็ไม่มีใครปลุกท่าน นอกจากท่านจะตื่นด้วยตัวท่านเอง เนื่องจากพวกเราไม่รู้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับในการนอนของท่าน, เมื่ออุมัรได้ตื่นขึ้นมาและพบสิ่งที่เกิดขึ้นแก่บรรดาผู้คน (ซึ่งเขาเป็นคนที่บึกบึน) เขาจึงได้ตั๊กบีร และส่งเสียงดังในการตั๊กบีรนั้น โดยเขายังคงตั๊กบีรต่อไป และส่งเสียงดังในตั๊กบีร จนกระทั่ง ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงของเขา และเมื่อท่านได้ตื่นขึ้นมา บรรดาผู้คนก็ร้องทุกข์กับท่านถึงเรื่องที่ได้ประสบกับพวกเขา (คือการตื่นไม่ทันเวลาซุบฮ์) ท่านกล่าวว่า ไม่เป็นไร หรือกล่าวว่า ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ไปกันต่อเถอะ ดังนั้นพวกเขาจึงออกเดินทางต่อ และเมื่อเดินทางออกมาไม่ไกลนัก ท่านก็แวะพักโดยเรียกหาน้ำเพื่ออาบน้ำละหมาด แล้วท่านก็อาบน้ำละหมาด และให้ประกาศการละหมาด (อะซานและอิกอมะห์) โดยท่านได้นำละหมาดบรรดาผู้คน หลังจากเสร็จการละหมาด และเห็นชายผูหนึ่งปลีกตัวออกไปโดยไม่ได้ละหมาดรวมกับคนอื่น ท่านกล่าวว่า อะไรที่ห้ามเจ้าไม่ให้ละหมาดพร้อมกับคนอื่นหรือ เขาตอบว่า ฉันมีญะนาบะห์และไม่มีน้ำอาบ ท่านกล่าวว่า จงใช้ฝุ่น (ทำตะยัมมุม) ซึ่งมันเพียงพอแก่เจ้าแล้ว
หลังจากนั้นท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ก็เดินทางต่อ บรรดาผู้คนได้ร้องทุกข์ต่อท่านจากความกระหายน้ำ ดังนั้นท่านจึงแวะพัก แล้วชายคนหนึ่งมา (อบูรอญาอ์ ผู้รายงานได้เอ่ยชื่อของเขาด้วยแต่ เอาวฟ์ ได้ลืมชื่อของเขา แต่รายงานอื่นระบุชื่อว่า เขาคือ อิมรอน บิน ฮุศ็อยน์) และได้เรียก อาลี มาด้วย ท่านกล่าวว่า เจ้าทั้งสองจงไปหาน้ำ แล้วทั้งสองก็ออกไปค้นหาจนได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังขี่อุฐ โดยที่สองข้างลำตัวเธอมีถุงน้ำขนาดใหญ่ ทั้งสองได้ถามเธอว่า เราจะหาน้ำได้ที่ไหน ? เธอตอบว่า ฉันอยู่ที่นั่นเมื่อวานนี้เวลาเดียวกันนี้ และผู้คนของเรากลุ่มหนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง ทั้งสองได้กล่าวกับเธอว่า : ไปกันเถอะ เธอถามว่า : ไปไหน ? ทั้งสองตอบว่า ไปหารอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม เธอกล่าวว่า : คนที่ถูกเรียกว่าเปลี่ยนศาสนาหรือ ? ทั้งสองตอบว่า ใช่คนเดียวกัน ตามมาเถอะ และทั้งสองได้พาเธอมาหาท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม และได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เขากล่าวว่า พวกเขาได้ช่วยให้เธอลงจากหลังอูฐของเธอ และท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้เรียกให้เอาภาชานะมา แล้วท่านก็แหวกปากถุงน้ำและรินน้ำใส่ภาชานะนั้น หลังจากนั้นท่านได้ผูกปากถุงน้ำไว้และเปิดท่อเทน้ำ แล้วร้องเรียกบรรดาผู้คน : พวกท่านจงมาดื่มน้ำและนำไปให้น้ำสัตว์ ดังนั้นบรรดาผู้คนต่างก็ดื่มน้ำและนำไปให้น้ำสัตว์ตามต้องการ และสุดท้ายท่านได้ให้ภาชานะบรรจุน้ำแก่ผู้ที่มีญะนาบะห์ พร้อมทั้งกล่าวว่า เอาน้ำไปชำระร่างกายของเจ้า
ในเหตุการณ์ต่างๆนี้ หญิงนั้นได้ยืนดูสิ่งที่ท่านทำกับน้ำของเธอ ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า เมื่อถุงน้ำได้ถูกนำกลับคืนไป ดูเหมือนว่าน้ำไม่ได้พร่องไปเลย แต่มันเต็มปิ่มมากกว่าตอนแรกเสียอีก ท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าว่า จงเจ้าจงรวบรวมให้แก่นาง ดังนั้นพวกเขาจึงรวบรวมให้แก่นางไม่ว่าจะเป็น อัจวะห์ (อินทผลัมอย่างดี) แป้งหยาบ และแป้งละเอียด อีกทั้งพวกเขายังรวบรวมอาหารให้แก่เธอโดยเอาใส่ไว้ในห่อผ้าแล้วพวกเขาได้ช่วยให้เธอขึ้นขี่อูฐ โดยนำห่อผ้าไว้ด้านหน้าของเธอ ท่านนบีได้กล่าวกับเธอว่า เธอรู้ไหม เราไม่ได้เทน้ำของเธอให้พร่องแต่อย่างใด แต่อัลลอฮ์ต่างหาก พระองค์คือผู้ทรงให้น้ำแก่เรา
เมื่อเธอกลับมาถึงครอบครัวล่าช้ากว่าปกติ พวกเขาได้ถามเธอว่า อะไรที่หน่วงเวลาเธอไว้หรือ ? เธอตอบว่า : เป็นเรื่องแปลก ชายสองคนมาพบฉัน แล้วเขาทั้งสองได้พาฉันไปหาผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขาถูกเรียกว่า ผู้เปลี่ยนศาสนา และเขาได้ทำเช่นนั้น,เช่นนี้ ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ เขาคือผู้บุรุษผู้ยอดเยี่ยมที่สุดระหว่างนี้กับนี้ เธอพูดพลางใช้นิ้วกลางและนิ้วชี้ชูขึ้นยังท้องฟ้า หมายถึงฟ้าและแผ่นดิน หรือว่าเขาเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์จริงๆ
หลังจากนั้นบรรดามุสลิมได้ใช้สถานที่รอบหมู่บ้านของเธอฝึกซ้อมในการสงครามกับบรรดามุชริกีนแต่ไม่เคยโจมตีหมู่บ้านของเธอเลย เธอจึงได้กล่าวแก่กลุ่มชนของเธอว่า ฉันคิดว่ากลุ่มคนพวกนี้ได้จงใจที่จะไม่ก่อสงครามแก่พวกท่าน แล้วพวกท่านคิดอย่างไรเกี่ยวกับอิสลาม ? แล้วพวกเขาก็ตอบรับคำของเธอ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้ารับอิสลาม”
อบู อับดิลลาฮ์ กล่าวว่า : ศ่อบ่าอ้า หมายถึง ออกจากศาสนาหนึ่งไปสู่อีกศาสนาหนึ่ง
และอบู อัลอาลิยะห์ กล่าวว่า : อัศศอบีอีน ในต้นฉบับใช้คำว่า อัศศอบีอูน : คือคนกลุ่มหนึ่งจากชาวคัมภีร์ พวกเขาได้อ่านคัมภีร์อัสซะบูร
บุคอรี/หมวดที่ 7/บทที่ 6/ฮะดีษเลขที่ 344
แหล่งที่มา : เพจ มหัศจรรย์อัลกุรอ่าน
#เรื่องเล่าคติเตือนใจ_Islamic_Society_Online
Islamic Society Online
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น