ชีวประวัติท่านนบีฮารูน
ประวัติ นบีฮารูน อะลัยฮิสสลาม
อัลกุรอานไม่ได้กล่าวถึงวาระสุดท้ายของท่านนบีมูซา (อ.) และนบีอีกหลายท่าน อัลกุรอานก็มิได้กล่าวถึง แต่มีหนังสือบางเล่มของนักเขียนอิสลามได้เขียนถึงเรื่องนี้ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเขานำหลักฐานการเขียนประวัติช่วงนี้มาจากไหนเพราะไม่ได้ระบุไว้ แต่ฉันเห็นว่าในช่วงที่หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงมิได้มีผลต่อหลักการใดๆ ในเรื่องข้อห้ามข้อใช้จากอัลเลาะฮ์ (ซ.บ.) เพียงแต่เป็นเหมือนรายงานประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่ง จึงอยากเอามาจบประวัติท่านนบีมูซาเพื่อจะได้สบายใจในตอนสุดท้ายของชีวิตท่าน
“สี่สิบปีที่ทุ่งราบแห่งนั้น วันหนึ่งนบีมูซาก็กล่าวแก่พี่ชายว่า
“ฮารูน พี่ที่รักของฉันเราได้เคยร้องให้ เพราะผิดหวังมาแล้ว ต่อไปนี้เราจะไม่ร้องให้เพื่อเขาอีก เราสองคนพี่น้องจะจากเขาไป”
สองพี่น้องออกเดินจากทุ่งราบ อัลเตี๊ยะห์ มาจนถึงภูเขา “ฮูร” นบีฮารูนว่า
“พักที่นี่ก่อนเถิดน้องเอ๋ย ชีวิตของเราได้เหน็ดเหนื่อยมาช้านาน พี่เองอยากพักที่นี่ชั่วชีวิต”
คืนนั้นเอง….นบีฮารูนก็ได้วายชนม์อย่างสงบ สมกับคำพูดของตนดั่งเป็นญาณสังหรณ์ นบีมูซาเดินลงจากภูเขาด้วยหัวใจอันอ่อนเปลี้ย เพื่อแจ้งข่าวให้กับชาวอิสราเอลทราบ
“ท่านฆ่าพี่ชายของท่านเองกระมัง” ชาวอิสราเอลถาม
“เราไม่เลวพอเหมือนอย่างทีท่านคิด พี่ชายของเราตายเพราะวาระสุดท้ายของเขา ตามที่พระเจ้ากำหนดให้” นบีมูซาตอบ
“ถ้าเช่นนั้น พาเราไปดูศพพี่ของท่านบ้างเป็นไร” ชาวอิสราเอลกล่าว
“ได้ซิ จงไปกับเรา” แล้วนบีมูซาก็พาชาวอิสราเอลไปเยี่ยมศพนบีฮารูน
ศพนั้นตายสนิทและไม่มีร่องรอยว่าจะถูกฆ่า แต่ชาวอิสราเอลก็ยังคิดว่า นบีมูซาอาจฆ่าพี่ด้วยกำลังของตนเอง นบีมูซาจึงขอพรพระเจ้าให้นบีฮารูน คืนชีพมาสักอึดใจหนึ่ง เพื่อนบีฮารูนจะได้ยืนยันว่าตนมิได้ตายด้วยน้ำมือของมูซา
นบีฮารูนได้ฟื้นขึ้นด้วยการลืมตา และกล่าวว่า “โอ้ชาวอสราเอล มูซามิได้ฆ่าฉัน ฉันตายตามวาระที่พระเจ้ากำหนดไว้” นบีฮารูนกล่าวแล้วก็ตายสนิท ชาวอิสราเอลจึงนำเรื่องนี้มาเล่าให้พวกของตน
“ฉันกับพวกท่านต่อไปนี้คงจะไม่ได้พบกันอีก เราจะต้องจากกันชั่วกัลปาวสานต์ ฉันขอแต่งตั้งยูซะห์ (โยชูวา บุตรของนูน) ทำหน้าที่แทนฉัน ลาก่อนชาวอิสราเอล”
นบีมูซาจากสาวกของตนมา และไม่นาน………มรณทูต (ทูตสวรรค์ที่ทำหน้าที่นี้ชื่อ มะลาอิกะตุลเมาต์) ก็ได้แจ้งท่านว่า เขามาเอาชีวิตท่านนบี
“ท่านจะเอาชีวิตของฉันออกทางไหน” นบีถาม
“ทางปาก” มะลาอิกะตุลเมาต์หรือมรณทูตตอบ
“ปากของฉันเคยสนทนากับพระเจ้า และกล่าวนามพระองค์อยู่เนืองนิตย์ ทำไมท่านจะเอาชีวิตฉันออกทางนั้น”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น เราขอเอาชีวิตท่านออกทางหู”
“หูของฉันก็เคยฟังพระกระแสรับสั่งของพระองค์ตลอดมา”
“ตาของฉันก็เคยเห็นรัศมีของพระเจ้ามาแล้วที่เขาฏูร (ซีนาย)”
“ถ้าเช่นนั้นทางจมูก”
“จมูกของฉันก็เคยได้กลิ่นที่ประทับพระเจ้าเช่นกัน”
“ถ้าเช่นนั้น ทางฝ่าเท้า ฝ่ามือ หรือกระหม่อมของท่าน”
“ส่วนเท้าของฉันเคยเดินเฝ้าพระเจ้าที่เขาซีนาย สองมือของฉันเคยแบกคัมภีร์ของพระองค์ และกระหม่อมของฉันเคยก้มกราบพระองค์มาแล้วอย่างใกล้ชิด”
นบีมูซาตอบมรณทูต มรณทูตจึงกลับไป
“สูเจ้าไม่รักเรา และปรารถนาจะอยู่ใกล้เราหรือมูซา”
พระเจ้าตรัส นบีมูซาก้มลงกราบทันที
“โอ้ พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะอยู่ใกล้ชิดพระองค์แล้วอย่างที่สุด แต่ขอให้ข้าพระองค์ได้สิ้นลมหายใจ ในแผ่นดินอันศักสิทธิ์ (บัยตุลมุกอสดิส ในเยรูซาเล็ม) เถิด”
นบีมูซาเดินไปถึงจุดหมาย และที่นั่นท่านได้พบชายหนึ่งกำลังขุดหลุมศพ
“ท่านขุดหลุมฝังใครหรือ”นบีถาม
“ฉันขุดหลุมเพื่อฝังบ่าวคนหนึ่งของพระเจ้า ซึ่งพระเจ้ากำหนดให้เขาฝังร่างลงที่นี่”
“หลุมนี่ช่างพอดีกับฉันเสียนี่กระไร” นบีมูซากล่าว และลองไปนอนในหลุมนั้น ผู้ขุดหลุมจึงกล่าวว่า
“โอ้ท่านนบีของพระเจ้า ฉันคือมะลาอิกะฮ์ หลุมนี้ขุดไว้สำหรับท่าน เป็นสถานที่ที่จะพาท่านไปสู่สวรรค์”
ท่านนบีก้มลงกราบพระเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนสิ้นลมปรานท่านนบีกล่าวว่า
“โอ้พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอขอบพระคุณในความปรารถนาของพระองค์”
(25 ศาสดา มูซา ฮารูน โดยฮัจญีประโยชน์ ค้าสุวรรณ น.136-139)
และนี่คือการเริ่มต้นการกลับมาแผ่นดินสัญญาที่อัลเลาะฮ์ทรงสัญญาไว้อีกครั้งหนึ่งโดยการให้ศาสนทูตของพระองค์นำชนชาตินี้กลับมา เพื่อจะเป็นแบบอย่างที่ดีตามแนวทางของพระองค์และจะเป็นชนชาติที่เป็นพยานว่า ทางนำของอัลเลาะฮ์ไม่เคยขาดหายไปจากมนุษยชาติเลย และดูแลให้สร้างประเทศชาติจากสายเลือดอิสราเอลโดยอยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้า เช่นส่งศาสนทูตและผู้นำที่ซื่อสัตย์มาให้ความรู้และดูแล ให้กฏหมายตั้งแต่ก่อนตั้งประเทศและเป็นบรรทัดฐานหลังจากตั้งประเทศแล้ว เพื่อให้ดูแลประชากรทั้งหลายที่แตกต่างอย่างเที่ยงธรรมตามระบอบการปกครองในแนวทางของพระเจ้าองค์เดียว เพียงขอให้สายเลือดอิสราเอลรักษาสัญญาทุกประการที่ได้ให้ไว้กับพระเจ้านับตั้งแต่ยุคอับราฮัม ขอย้ำว่านี่เป็นทัศนะของมุสลิมนะ
แหล่งที่มา : ชีวประวัตินบี 25 ศาสดา
#ประวัติศาสตร์อิสลาม_Islamic_Society_Online
#เรื่องเล่าคติเตือนใจ_Islamic_Society_Online
Islamic Society Online
#ประวัติศาสตร์อิสลาม_Islamic_Society_Online
#เรื่องเล่าคติเตือนใจ_Islamic_Society_Online
Islamic Society Online
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น