พระราชวังอัลฮัมบรา เมืองกรานาดา ในแคว้นอันดาลูเซีย
พระราชวังอัลฮัมบรา (สเปน: Alhambra) คือ พระราชวังและป้อมปราการตั้งอยู่ที่เมืองกรานาดา เป็นพระราชวังที่ชาวมัวร์อาหรับสร้างไว้อย่างวิจิตรพิสดารและงดงาม เป็นที่เลื่องลือ ตัวพระราชวังอยู่ บนเนินเขาเซียราเนวาดา มองลงไปรอบ ๆ แล้วจะได้พบทิวทัศน์ที่งดงามมาก สร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1248-1354 โดยกษัตริย์มุสลิมชาวมัวร์ พระเจ้าโมฮัมเหม็ดที่ 1 อิบน์ นัสร์ แห่งราชวงศ์นาสริด ซึ่งเป็นราชวงศ์ของชาวมุสลิมราชวงศ์สุดท้ายในสเปน คำว่า "อัลฮัมบรา" มาจากคำในภาษาอาหรับ แปลว่า "(สิ่งที่มี) สีแดง" เนื่องจากตัวป้อมปราการนั้นก่อสร้างด้วยหิน ดิน และอิฐสีแดง ส่วนอาคารอื่น ๆ ซึ่งสร้างโดยใช้ปูนขาวเป็นส่วนประกอบก็กลับเห็นเป็นสีออกแดง ๆ เช่นกัน สถาปัตยกรรมของพระราชวังอัลฮัมบรามีความโดดเด่นด้วยลายแกะสลักอย่างละเอียดและประณีต ทั้งผนัง เสา เพดาน โค้งซุ้มประตูต่าง ๆ ล้วนแกะสลักอย่างละเอียด นับเป็นงานศิลป์ชั้นยอดของชาวมัวร์ในยุคนั้นแม้พระราชวังอัลฮัมบราจะมีที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง แต่ก็มีระบบการจัดการเกี่ยวกับน้ำที่ดี มีการทำคูคลองส่งน้ำจากด้านล่างขึ้นมายังพระราชวังเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาด้านการชลประทานของชาวมัวร์ได้เป็นอย่างดี
พื้นที่ภายในลานพระราชวังอัลฮัมบรา (ภาพจาก www.alhambra.org) |
พระราชวังอัลฮัมบรา เมืองกรานาดา ในแคว้นอันดาลูเซีย (ภาพ blog.insightvacations.com) |
อาคารภายในพระราชวังอัลฮัมบรา (ภาพ blog.insightvacations.com) |
แม้ว่าความงามอันเป็นเอกลักษณ์บางส่วนถูกทอดทิ้งและบางอย่างถูกทำลาย โดยพระราชโองการ ของจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 เพื่อเอาศิลปะแบบอิตาลีเข้าไปเสริมแทรกไว้ก็ตาม แต่ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ ยังสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ชาวโลกอย่างมาก
เขตพระราชวังประกอบขึ้นด้วยส่วนที่เป็นป้อมปราการ มีกำแพงและหอรบสร้างด้วยหินสีแดง ทำให้ได้ชื่อในภาษาอาหรับว่า "กาลัตอัลฮัมบรา" ซึ่งแปลว่า ป้อมแดง ภาย ในกำแพงเป็นเชิงเทิน และตัว พระราชวังอัลคาซาร์ ซึ่งประกอบด้วยหน้าพระลาน ท้องพระโรง เมื่อผ่านประตูแห่งความยุติธรรมจะถึงลานมาลี และลานสิงห์อันมีชื่อเสียง บริเวณรอบ ๆ เป็นสนามกว้างใหญ่มีหินอ่อนแกะสลักประดับไว้อย่างสวยงาม ถึง 124 แผ่น มีน้ำพุตรงกลางที่ฐานน้ำพุมีสิงโตหินอ่อนหมอบอยู่ 12 ตัว
ภายในพระอุทยานมีดอกไม้หอมกลิ่นต่าง ๆ ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืนถึงกับมีนักแต่งเพลงคนสำคัญที่เคยเยี่ยม เยียนได้แต่งเพลง "ราตรีที่กรานาดา" ไว้เป็นทีระลึก และเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก
การประดับประดาผนังและเสาในพระราชวังอัลฮัมบรา เมืองกรานาดาในแคว้นอันดาลูเซีย (ภาพจาก www.pinterest.com) |
การตกแต่งด้วยกระเบื้องดินเผาของชาวมัวร์ในพระราชวังอัลฮัมบรา เมืองกรานาดา ในแคว้นอันดาลูเซีย |
ช่องแสงที่มีกลิ่นอายของชาวอาหรับและชาวมัวร์ พระราชวังอัลฮัมบรา เมืองกรานาดา ในแคว้นอันดาลูเซีย |
สวนภายในพระราชวังอัลฮัมบรา เมืองกรานาดา ในแคว้นอันดาลูเซีย (ภาพจาก www.wikimedia.org) |
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 พระราชวังอัลฮัมบราถูกทอดทิ้งจนค่อย ๆ กลายสภาพเป็นที่พักของบรรดาคนจรจัดที่มาอาศัยอยู่กันอย่างระเกะระกะ และทำให้ทรุดโทรมลงไปเรื่อย ๆ พระราชวังบางส่วนถูกทำลายเนื่องจากความไม่รู้ถึงคุณค่า อย่างไรก็ดี หลังจากที่พระราชวังอัลฮัมบราได้กลายเป็นฉากหนึ่งในนวนิยายเรื่อง Tales of the Alhambra รัฐบาลสเปนก็ได้ให้ความสนใจในการบูรณปฏิสังขรณ์พระราชวังแห่งนี้ให้กลับมามีสภาพที่ดีอีกครั้ง ทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย
#อารยธรรมอิสลาม_Islamic_Society_Online
#ประวัติศาสตร์อิสลาม_Islamic_Society_Online
Islamic Society Online
#ประวัติศาสตร์อิสลาม_Islamic_Society_Online
Islamic Society Online
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น