product :

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561

ชีวประวัติท่านนบีลูฏ

ชีวประวัติท่านนบีลูฏ


ประวัติ นบีลูฏ อะลัยฮิสสลาม

นบีอิบรอฮีมได้ออกจากอียิปต์พร้อมกับลูฏหลานชาย ซึ่งต่อมาได้เดินทางต่อไปยังเมืองสะดูม (โซดอม) ที่อยู่บนฝั่งตะวันตกของทะเลตาย

เมืองนี้เต็มไปด้วยความชั่วช้า ผู้คนในเมืองคอยดักปล้นอยู่ข้างทางและฆ่านักเดินทาง ความชั่วอีกอย่างหนึ่งที่เป็นเรื่องปกติของคนในเมืองนี้ก็คือการที่ผู้ชายมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายด้วยกันแทนที่กับมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงการกระทำอันเลวทรามผิดธรรมชาติต่อมาได้เป็นที่รู้จักกันในคำว่า “รักร่วมเพศ” (โซโดมี ตามชื่อเมือง) และเป็นการกระทำกันอย่างเปิดเผยโดยไม่มีความละอาย

ในช่วงเวลาที่อาชญากรรมความชั่วและบาปประเภทนี้กำลังแพร่หลายนี่เองที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ดลใจให้นบีลูฏเรียกร้องผู้คนให้ละทิ้งพฤติกรรมอันน่าขยะแขยงดังกล่าวของพวกเขา แต่ชาวเมืองได้จมดิ่งอยู่กับผิดศีลธรรมจนพวกเขาไม่ยอมฟังคำเรียกร้องของนบีลูฏ พวกเขาปฏิเสธที่จะฟัง แม้นบีลูฏจะเตือนพวกเขาถึงการลงโทษของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ก็ตาม ไม่เพียงแต่เท่านั้น พวกเขายังขู่ที่จะขับไล่เขาออกจากเมืองด้วยถ้าหากเขายังขืนเผยแพร่อยู่ต่อไป

อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงออกเผยให้เราทราบว่า : “หมู่ชนของลูฏก็ปฏิเสธบรรดารอซูล จงนึกถึงเมื่อ ตอนที่พี่น้องคนหนึ่งของเขาคือลูฏได้กล่าวแก่พวกเขาว่า‘พวกท่านไม่กลัวหรือ? แท้จริง ฉันเป็นรอซูลคนหนึ่งที่ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ยังพวกท่าน ดังนั้น จงเกรงกลัว อัลลอฮฺ และจงเชื่อฟังฉัน ฉันมิได้ขอสิ่งตอบแทนใดๆจากพวกท่าน ในการทำหน้าที่นี้ เพราะรางวัลของฉันอยู่ที่พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก พวกท่านเข้าหาผู้ชายจากที่มีอยู่ในโลกนี้ทั้งหมด และทิ้งที่พระผู้อภิบาล ของพวกท่านได้สร้างขึ้นมาให้เป็นภรรยาของพวกท่านกระนั้นหรือ ? พวกท่านนี่เป็นผู้ฝาฝืนขอบเขตทุกอย่าง’พวกเขากล่าวว่า ‘นี่ ลูฏ ถ้าท่านไม่หยุด ท่านจะถูกรวมอยู่กับพวกที่จะถูกขับไล่ออกไปจากเมืองของพวกเรา’ เขากล่าวว่า‘ฉันขยะแขยงการกระทำของพวกท่านจริงๆ ข้าแต่พระผู้อภิบาล โปรดทรงช่วยฉันและคนของฉันให้พ้นจากความชั่วที่คนพวกนี้ได้กระทำด้วยเถิด’ แล้วเราก็ได้ช่วยเขาและคนของเขาทั้งหมดให้ปลอดภัย ยกเว้นหญิงแก่คนหนึ่งที่ยังคงอยู่ข้างหลัง” (กุรอาน 26:160-171)

การกระทำของผู้คนทำให้นบีลูฏรู้สึกเสียใจมาก คำเล่าลือถึงความเลวร้ายของชาวเมืองนี้แพร่ไปทั่วแผ่นดินในขณะที่ลูฏได้ต่อสู้กับชาวเมือง หลายปีผ่านไปนบีลูฏยังคงปฏิบัติภารกิจของเขา แต่ก็ไม่เกิดผลใดๆ ไม่มีใครตอบสนองคำเรียกร้องของเขาและเชื่อเขา ยกเว้นสมาชิกบางคนในครอบครัวของเขาเท่านั้น แม้แต่ภรรยาของเขาก็ยังเป็นผู้ปฏิเสธ

อัลลอฮฺได้ทรงประกาศว่า : “อัลลอฮฺทรงยกเอาภรรยาของนูฮฺและลูฏขึ้มาเป็นตัวอย่างสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธ พวกนางแต่งงานกับบ่าวผู้ดีงามทั้งสองของเรา แต่นางทั้งสองได้ทรยศต่อสามีของนาง และเขาทั้งสองไม่สามารถช่วยอะไรนางจากอัลลอฮฺได้ ทั้งสองได้ถูกกล่าวว่า ‘จงเข้าไปในไฟนรกพร้อมกับคนอื่นๆที่จะเข้าไปในนั้นเถิด’” (กุรอาน 66:10)

ถ้าหากว่าบ้านคือสถานที่ที่สะดวกสบายและเป็นสถานที่พักผ่อน นบีลูฏก็ไม่พบอะไรเลยในบ้านของเขา เพราะต้องทนทุข์ภายในและภายนอกของเขาชีวิตของเขายังถูกทรมานและเจ็บปวดอย่างมากแต่เขาก็ยังคงอดทนและมั่นคงต่อคนของเขา หลายปีผ่านไปโดยที่ยังไม่มีใครเชื่อเขา ไม่เพียงแต่เท่านั้นพวกเขายังดูถูกคำสอนของเขาและถากถางท้าทายเขาด้วยว่า :“จงนำเอาการลงโทษของอัลลอฮฺมาสิ ถ้าหากท่านพูดจริง” (กุรอาน 29:29)

ด้วยความสิ้นหวัง นบีลูฏจึงได้วิงวอนต่ออัลลอฮฺ (ซ.บ.) ให้ประทานชัยชนะแก่เขาและให้พระองค์ทำลายความเสื่อมเสียให้หมดทั้งสิ้น ดังนั้น มลาอิก๊ะฮฺจึงได้ออกมาจากบ้านของนบีอิบรอฮีมและมุ่งหน้าสู่เมืองโซดอม พวกเขามาถึงกำแพงเมืองในตอนเย็น คนแรกที่มองเห็นมลาอิก๊ะฮฺในร่างกายมนุษย์ทั้งสามคือลูกสาวของนบีลูฏที่กำลังนั่งตักน้ำอยู่ข้างแม่น้ำ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาเห็นคนทั้งสาม เธอต้องตกตะลึงเพราะเธอไม่เคยเห็นคนที่รูปร่างหน้าตาดีอย่างนี้มาก่อนบนโลก

หนึ่งในชายทั้งสามได้ถามเธอว่า “สาวน้อย มีที่พักสักแห่งไหม?” ด้วยการรู้นิสัยใจคอของคนในเมือง เธอได้ตอบว่า “จงอยู่ที่นี่ก่อนและจงอย่าเข้าเมืองจนว่าฉันจะบอกให้พ่อของฉันได้รู้และกลับมา” หลังจากนั้น เธอก็ทิ้งเหยือกน้ำไว้และรีบวิ่งกลับบ้านทันที

พ่อ” เธอตะโกนร้องเสียงดัง “มีผู้ชายหนุ่มสามคนต้องการพบพ่อที่ประตูเมืองฉันไม่เคยเห็นหน้าของพวกเขามาก่อนเลย

ด้วยความรู้สึกวิตก นบีลูฏรีบวิ่งไปยังผู้มาเยือน เขาได้ถามคนเหล่านั้นว่ามาจากไหนและจะไปไหน
พวกเขาไม่ตอบคำถามของนบีลูฏ แต่กับถามว่าเขาจะต้อนรับพวกเขาได้ไหม นบีลูฏได้เริ่มพูดกับพวกเขา และพยายามเน้นให้พวกเขาได้รู้ถึงลักษณะนิสัยของผู้คนของเขา นบีลูฏรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เขาต้องการที่จะทำให้แขกของเขาเชื่อในสิ่งที่เขาพูดว่าอย่าได้เข้าไปค้างคืนที่นั่นโดยไม่ได้รบเร้าคนเหล่านั้น แต่ขณะเดียวกันเขาก็ต้องการที่จะให้การต้อนรับแขกแปลกหน้าด้วยความอบอุ่นตามที่ควรจะต้องให้แก่ผู้มาเยือน แต่ความพยายามของเขาไม่สามารถทำให้แขกของเขาเข้าใจถึงสถานการณ์อันน่ากลัวได้ ในที่สุด เขาก็ขอร้องให้แขกของเขาคอยจนกระทั่งถึงเวลากลางคืนเสียก่อน เพราะจะได้ไม่มีใครเห็นพวกเขา


เมื่อถึงเวลากลางคืน นบีลูฏก็นำแขกของเขาไปยังบ้านของเขา ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นั่น อย่างไรก็ตาม เมื่อภรรยาของลูฏเห็นคนเหล่านั้น นางก็แอบออกจากบ้านอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกต นางรีบไปหาคนของนางอย่างรวดเร็วพร้อมกับบอกข่าวเรื่องของผู้แปลกหน้า ไม่นานหนัก ข่าวนั้นแพร่ออกไปเหมือนกับไฟไหม้ป่า ผู้คนก็รีบมายังบ้านของลูฏด้วยความตื่นเต้น นบีลูฏประหลาดใจเป็นอย่างมากที่ผู้คนรู้ถึงเรื่องแขกของเขา และเขาแปลกใจว่าใครเป็นคนที่บอกคนเหล่านั้นในที่สุด เมื่อเขาไม่เห็นภรรยาของเขาอยู่ในบ้าน เขาก็รู้ชัดขึ้นมาทันทีและมันทำให้เขารู้สึกเศร้าใจมากยิ่งขึ้น

เมื่อนบีลูฏเห็นฝูงชนเข้ามาใกล้บ้านเขา เขาได้ปิดประตู แต่ผู้คนก็ยังคงทุบประตูอยู่ เขาได้อ้อนวอนผู้คนให้ปล่อยผู้มาเยือนไว้ตามลำพังและให้เกรงกลัวการลงโทษของอัลลอฮฺ (ซ.บ.) เขาบอกผู้คนเหล่านั้นให้กลับไปเสพสุขกับภรรยาของพวกเขาเพราะนั่นเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงอนุมัติ

ผู้คนของนบีลูฏได้คอยอยู่จนกระทั่วเขาพูดจบ แต่เมื่อเขาพูดจบแล้ว ผู้คนทั้งหลายก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ด้วยความมัวเมาในตัณหาจนตาบอด พวกเขาพังประตูเข้ามา นบีลูฏสึกโกรธมาก แต่เขาก็ไม่มีกำลังที่จะไปต่อต้านคนที่รุนแรงเหล่านี้ เขาไม่สามารถป้องกันการล่วงละเมิดต่อแขกของเขา แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดขอร้องฝูงชนอยู่ต่อไป

ในช่วงเวลาอันน่ากลัวนั้น เขาอยากที่มีพลังผลักผู้คนออกไปจากแขกของเขา เมื่อแขกของนบีลูฏเห็นเขาช่วยตัวเองไม่ได้ พวกเขาจึงได้กล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลหรือตกใจ ลูฏ เพราะเราคือมลาอิก๊ะฮฺ และพวกคนเหล่านี้จะทำร้ายท่านไม่ได้

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้คนก็ตกใจกลัวและหนีออกไปจากบ้านของนบีลูฏพร้อมกับคำขู่อาฆาต มลาอิก๊ะฮฺได้เตือนนบีลูฏให้ออกจากบ้านของเขาก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นและให้นำคนในครอบครัวของเขาทั้งหมดไปด้วยยกเว้นภรรยาของเขา

อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ออกคำสั่งมาแล้วว่าเมืองโซดอมจะต้องถูกทำลาย ดังนั้น แผ่นดินไหวจึงเกิดขึ้นทำให้เมืองโซดอมต้องสั่นสะเทือนเหมือนกับมีอำนาจอันทรงพลังยกเมืองทั้งเมืองขึ้น และโยนมันลงมาอย่างแรงในคราวเดียว หลังจากนั้น พายุหินก็ตกลงมาบนเมือง ทุกคนและทุกสิ่งได้ถูกทำลายรวมทั้งภรรยาของนบีลูฏด้วย

อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงเล่าเรื่องนี้ให้เราได้ทราบว่า “แล้วจงบอกพวกเขาถึงเรื่องราวของแขกของอิบรอฮีม เมื่อพวกเขา ได้มายังเขา พวกเขาได้กล่าวว่า ‘สันติมีแด่ท่าน’ แต่เขาได้ตอบว่า ‘เรากลัวพวกท่าน’ พวกเขาจึงกล่าวว่า ‘จงอย่ากลัวเราเลย เราจะแจ้งข่าวดีแก่ท่านถึงเรื่องเด็กที่มีความฉลาดหลักแหลมคนหนึ่ง’ อิบรอฮีมกล่าวว่า ‘พวกท่าน มาบอกข่าวดีว่าฉันจะมีลูกในตอนที่ฉันอยู่ในวัยชราอย่างนี้กระนั้น หรือ? ข่าวดีอะไรกันที่พวกท่านบอกฉัน’ พวกเขากล่าวว่า ‘เราแจ้งข่าวดีกับท่านจริงๆ ดังนั้น ท่านจงอย่าเป็นผู้สิ้นหวัง’อิบรอฮีมได้ตอบว่า ‘จะมีก็แต่คนหลงผิดเท่านั้นที่สิ้นหวังในความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเขา’ แล้วเขาก็ถามพวกเขาว่า ‘พวกท่านได้ถูกส่งมาด้วยเหตุอันใดหรือ?’พวกเขากล่าวว่า ‘เราถูกส่งมายังหมู่ชนผู้ทำผิด ยกเว้นครอบครัวของลูฏ เราจะช่วยพวกเขาทั้งหมด ยกเว้นภรรยาของเขาที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าจะยังคงอยู่กับบรรดาผู้ที่อยู่ข้างหลัง’ หลังจากนั้น เมื่อบรรดาทูตเหล่านี้ได้มายังบ้านของลูฏ เขากล่าวว่า ‘พวกท่านดูเหมือนคนแปลกหน้า’ พวกเขากล่าวว่า ‘มิได้ เรามาหา ท่านด้วยเรื่องที่ผู้คนเหล่านี้สงสัย เราขอบอกความจริงแก่ท่านว่าเรามาหาท่านพร้อมกับความจริง (ข่าวการทำลายชนชาติของท่าน) ดังนั้น ท่านกับครอบครัวของท่านจงเดินทางออกไปในยามสุดท้ายของกลางคืน และตัวของท่านเองควรจะตามหลังพวกเขา และจงอย่าให้ใครในหมู่พวกท่านหันกลับมามองข้างหลัง แต่จงมุ่งตรงไปตามที่พวกท่านถูกบัญชา’ และเราได้แจ้งเขาถึงคำบัญชาของเราว่าพวกเขาจะถูกทำลายอย่างเด็ดขาด

ภายในยามเช้านี้ และชาวเมืองได้วิ่งกรูกันมาอย่างสนุกสนานยังบ้านของลูฏ เขากล่าวว่า ‘คนเหล่านี้คือแขกของฉัน ดังนั้น ขอจงอย่าทำให้ฉันต้องเสียเกียรติเลย จงเกรงกลัวอัลลอฮฺ และจงอย่าทำให้ฉันต้องอับอายขายหน้า’ พวกเขา ตอบว่า ‘เราไม่ได้ห้ามท่านต้อนรับ (หรือคุ้มครอง) คนแปลกหน้าจากเรามิใช่หรือ?’ ลูฏกล่าวว่า ‘นี่ (ผู้หญิงในชาติ) คือลูกสาวของฉัน (ที่จะแต่งงานได้อย่างถูกต้อง) ถ้าหากท่านต้องการ’ขอสาบานด้วยชีวิตของเจ้า (โอ้ มุฮัมมัด) ในเวลานั้น พวกเขาตกอยู่ใต้ อารมณ์ใฝ่ต่ำอย่างหน้ามืดตามัว ในที่สุด การระเบิดอย่างรุนแรงก็เกิดขึ้นแก่พวกเขาในยามเช้า เราได้พลิกเมืองนั้นคว่ำลงและได้กระหน่ำ พวกเขาด้วยหินเผาที่ตกมาดุจห่าฝน แท้จริง ในเรื่องราวนี้สัญญาณ หลายอย่างแก่คนที่มีความเข้าใจ และดินแดนที่ถูกทำลายนี้ก็ยังคงอยู่ บนเส้นทางสัญจร (จากมักก๊ะฮฺถึงซีเรีย) แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณสำหรับ บรรดาผู้ศรัทธา” (กุรอาน 15:51-77) 

อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ได้ทรงกล่าวว่า: “แล้วเราก็ได้ช่วยเขาและคนของเขาทั้งหมด ให้ปล่อยภัย ยกเว้นหญิงแก่คนหนึ่งที่อยู่ในหมู่ผู้อยู่ข้างหลัง หลังจากนั้น เราก็ได้ทำลายคนอื่นที่เหลือทั้งหมด และเราได้ให้ฝนอันน่าสะพรึงกลัว ตกลงมายังหมู่คนที่ถูกตักเตือน แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณหนึ่ง แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา และแท้จริง พระผู้อภิบาลของเจ้าเป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงเมตตาเสมอ” (กุอาน 26:170-175)

ผู้คนของนบีลูฏได้ถูกทำลายจบสิ้นไปแล้ว เมืองและชื่อของพวกเขาได้ถูกลบออกจากแผ่นดิน และพวกเขาถูกทำให้สูญสิ้นไปจากความทรงจำ

หลังจากนั้น นบีลูฏได้ไปหานบีอิบรอฮีม และเมื่อเขาเล่าเรื่องราวของคนของเขาให้นบีอิบรอฮีมฟัง เขาก็แปลกใจที่รู้ว่านบีอิรอฮีมรู้เรื่องนี้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามนบีลูฏก็ยังคงเชิญชวนผู้คนไปสู่อัลลอฮฺ (ซ.บ.) เหมือนกับนบีอิบรอฮีมผู้อดทน ผู้ที่หันไปหาอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ด้วยการขออภัย และทั้งสองคนยังคงยึดมั่นในภารกิจของพวกเขาต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความแนะนำ

World Clock

Featured Posts

เรื่องราวของสองอารยธรรม : อารยธรรมของชาวไวกิ้งและมุสลิม

เรื่องราวของสองอารยธรรม : อารยธรรมของชาวไวกิ้งและมุสลิม โดย : Cem Nizamoglu และ Sairah Yassir-Deane ย้อนหลังไปถึงมีนาคม 2015 ข่าวเกี่ยวก...