Layla-tul-Miraj : The Miraculous Night Journey
(ค่ำคืออิสรออ์-เมี๊ยะรอจ : ปาฏิหาริย์ คืนแห่งการเดินทาง)
(สรุปและเรียบเรียงโดย อ.การีม วันแอเลาะ)
سُبْحَانَ الَّذِىْ أَسْرَى بِعَبْدِهِ لَيْلاً مِنَ الْمَسْجِدِ الْحَرَامِ اِلَى الْمَسْجِدِ اْلأَقْصَى
الَّذِىْ بَارَكْنَا حَوْلَهُ لِنُرَيَهُ مِنْ آيَاتِنَا اِنَّهُ هُوَ السَّمِيْعُ الْبَصِيْرُ
“ มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ ผู้ซึ่งให้บ่าวเดินทางในยามค่ำคืน จากมัสยิดอัล-หะรอมสู่มัสยิด
อัล-อักศอที่พระองค์ได้ให้ความจำเริญโดยรอบ เพื่อเราจะได้ให้เขาเห็นสัญญาณต่าง ๆ ของเราแท้จริง พระองค์ทรงได้ยิน พระองค์ทรงเห็น ”
ท่านนะบี ศ้อลฯ กล่าวว่า ในคืนที่ข้าพเจ้าถูกนำไปยังบัยตุ้ลมักดิสนั้น ข้าพเจ้านอนครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ที่บ้านของอุมมุฮานีที่มักกะฮ์ ทั้งนี้ หลังจากที่ข้าพเจ้าได้ละหมาดอีซาเรียบร้อยแล้ว ญิบรีลได้มาหาข้าพเจ้าพลางพูดว่า จงตื่นเถิดมูฮำหมัด ข้าพเจ้าจึงลุกขึ้น ข้าพเจ้าได้พบว่า เขาคือญิบรีลโดยมีมีกาอีลรวม อยู่ด้วย ญิบรีลได้พูดกับมีกาอีลว่า จงเอาภาชนะใส่น้ำซำซำมาเพื่อจะได้ล้างหัวใจของเขาและเพื่อหัวใจของเขาจะได้สว่างไสว
ท่านนะบี ศ้อลฯ กล่าวว่า เขาได้ผ่าท้องของข้าพเจ้า แล้วได้ล้างถึงสามครั้ง แล้วได้ใส่ฮิกมะฮ์ ความรู้ และอีหม่านเข้าไป แล้วได้ประทับตราแห่งศาสดาไว้ระหว่างไหล่ขอข้าพเจ้า แล้วญิบรีลได้จูงมือข้าพเจ้าไปที่บ่อซำซำพลางพูดกับมะลาอีกะฮ์อีกท่านหนึ่งว่า จงเอาภาชนะตักน้ำซำซำหรือน้ำจากบ่อเกาซัรมา แล้วได้ใช้ให้ข้าพเจ้าเอาน้ำละหมาด เมื่อข้าพเจ้าเอาน้ำละหมาดเสร็จแล้ว ญิบรีลได้พูดกับข้าพเจ้าว่า ไปได้แล้วมูฮัมมัด ข้าพเจ้าถามว่า ไปไหน ? ญิบรีลตอบว่า ไปหาพระเจ้าของท่าน พระเจ้าของทุก ๆ สิ่ง ญิบรีลได้นำข้าพเจ้าออกไปนอกมัสยิด
ทันใดนั้น ข้าพเจ้าได้เห็น “บุร๊อก” เป็นสัตว์ที่สูงกว่าลาต่ำกว่าล่อมีแก้มเหมือนแก้มมนุษย์ มีหาง เหมือนหางอูฐ มีหลังเหมือนหลังม้า ยืนตระหง่านเหมือนอูฐ มีเล็บเหมือนเล็บวัว มีท้องสีขาว มีอานจากสวรรค์และมีปีกสองข้าง วิ่งเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ แต่ละก้าวเท่ากับสุดสายตาที่ทอดมองออกไป ญิบรีลบอกให้ข้าพเจ้าขี่ พลางกล่าวว่า มันคือสัตว์ตัวเดียวกับที่อิบรอฮีมขี่มาเยี่ยมเยียนบัยตุ้ลเลาะฮ์ ข้าพเจ้าได้ขึ้นขี่พร้อมกับญิบรีล ครู่หนึ่งถัดจากนั้น ญิบรีลได้ใช้ให้ข้าพเจ้าลงจากหลังของบุร๊อก แล้วให้ข้าพเจ้าทำละหมาด เมื่อเสร็จแล้วญิบรีลได้ถามข้าพเจ้าว่า ท่านรู้ไหมว่านี่คือที่ไหน? ข้าพเจ้าตอบว่า ไม่รู้ ญิบรีลกล่าวว่า ที่นี่คือ “ตีบะฮ์” และยังสถานที่แห่งนี้ท่านจะต้องฮิจเราะฮ์มา อินซาอัลลอฮ์
ข้าพเจ้าและญิบรีลได้ขึ้นขี่บุร๊อก อีกครู่หนึ่งก็หยุดอีก ญิบรีลสั่งให้ข้าพเจ้าลงละหมาด เมื่อข้าพเจ้าละหมาดเสร็จ ญิบรีลก็ถามข้าพเจ้าอีกว่า ท่านรู้ไหมว่านี่คือที่ไหน? ข้าพเจ้าตอบว่า ไม่รู้ ญิบรีลกล่าวว่า ที่นี่คือ “ตูริซีนา” อันเป็นสถานที่อัลลอฮ์ท่านพูดกับนะบีมูซา ข้าพเจ้าและญิบรีลได้ขึ้นขี่บุร๊อกอีก แล้วครู่หนึ่งก็ใช้ให้ข้าพเจ้าละหมาดอีก เมื่อข้าพเจ้าละหมาดเสร็จแล้ว ญิบรีลได้ถามข้าพเจ้าอีกว่า ท่านรู้ไหมว่านี่คือที่ไหน ? ข้าพเจ้าตอบว่า ไม่รู้ ญิบรีลกล่าวว่า ที่นี่คือ “บัยตุ้ลละห์มิน” อันเป็นสถานที่ที่ท่านนะบีอีซาประสูติ หลังจากนั้นบุร๊อกได้นำเราไปถึงบัยตุ้ลมักดิส พอไปถึงที่นั้น มวลมะลาอีกะฮ์ทั้งหมดต่างลงมาจากฟากฟ้ายืนแถวแสดงความยินดีกับข้าพเจ้า อันเป็นการแสดงความยินดี และความเคารพจากพระเจ้า มวลมะลาอีกะฮ์ต่างกล่าวพร้อม ๆ กันว่า
اَلسَّلاَمُ عَلَيْكَ يَاأَوَّلُ يَاأخِرُ يَاحَاشِرُ
“ขอความสันติสุขจงประสบแด่ท่าน
"โอ้ผู้เป็นท่านแรก โอ้ท่านผู้เป็นท่านสุดท้าย โอ้ท่านผู้รวมซึ่งทุกสิ่ง”
ข้าพเจ้าได้ถามญิบรีลว่า พวกเขาแสดงความเคารพอะไรกับข้าพเจ้า? ญิบรีลตอบข้าพเจ้าว่า ท่านเป็นคนแรกที่พื้นแผ่นดินคะนึงหา ท่านเป็นคนแรกที่ประชากรของท่านคะนึงหา ท่านเป็นคนแรกที่ให้ความช่วยเหลือ ท่านเป็นคนแรกที่ได้รับความช่วยเหลือ และท่านคือศาสดาท่านสุดท้าย แล้วท่านได้ผ่านจุดต้อนรับจากมวลมะลาอีกะฮ์นั้นไปจนถึงประตูมัสยิด
ญิบรีลได้ให้ข้าพเจ้าลงจากหลังของบุร๊อก และนำบุร๊อกไปผูกไว้ที่มุมด้านหนึ่งของมัสยิด อันเป็นสถานที่ที่นะบีในอดีตเคยผูกมันไว้ตรงนั้น เมื่อข้าพเจ้าเดินเข้าประตูมัสยิด ข้าพเจ้าได้พบบรรดานะบีและบรรดาร่อซู้ลในอดีตทั้งหมด ซึ่งต่างแสดงความเคารพต่อข้าพเจ้า เหมือนกับที่มวลมะลาอีกะฮ์ให้สลามและแสดงความเคารพ ข้าพเจ้าได้ถามญิบรีลว่า พวกเขาเหล่านี้คือใคร ? ญิบรีลตอบว่า พวกเขาคือพี่น้องของพวกท่าน ซึ่งคือบรรดานะบีและบรรดาร่อซู้ล อะลัยฮิมุสซ่อลาตุวัสสลาม
ถัดจากนั้นญิบรีลได้จูงข้าพเจ้าขึ้นไปที่บนก้อนหินใหญ่และข้าพเจ้าก็ทะยานขึ้นสู่เบื้องบนซึ่งข้าพเจ้าไม่เคยเห็นความสวยงามเช่นนั้นมาก่อน ณ จุดนี้คือสถานที่เมี๊ยะรอจของบรรดามะลาอีกะฮ์ ตลอดจนมะลีกุ้ลเมาต์เมื่อจะลงมาปฏิบัติหน้าที่ ญิบรีลได้อุ้มข้าพเจ้าขึ้นวางบนปีก นำข้าพเจ้าทะยานเหาะเหินขึ้นสู่ฟ้าชั้นที่หนึ่ง เมื่อถึงประตูฟ้าชั้นที่หนึ่ง ญิบรีลได้เคาะประตู มีเสียงถามออกมาว่า ใคร ? ญิบรีลตอบว่า ข้าพเจ้าญิบรีล แล้วมีเสียงถามอีกว่า ใครมากับท่าน ญิบรีลตอบว่า มูฮัมมัด ว่าแล้วประตูก็เปิดออก เราได้เข้าไปบนฟ้าชั้นนี้ ข้าพเจ้าได้เห็นไก่ที่มีขนสีขาวซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อมันขัน ไก่ทั้งหมดบนผืนแผ่นดินก็จะขันตามมัน มันขันก็คือมันตัสเบี๊ยะห์ ข้าพเจ้าจากมันไป ซึ่งข้าพเจ้าและมันต่างหวังอยากจะได้เห็นกันอีกเป็นครั้งต่อ ๆ ไป
ข้าพเจ้าได้ถูกนำขึ้นไปบนฟ้าชั้นที่สอง ชั้นที่สาม ชั้นที่สี่ ชั้นที่ห้า ชั้นที่หก ชั้นที่เจ็ด ตามลำดับ ซึ่งแต่ละชั้นฟ้า ญิบรีลถูกถามเหมือนดังที่ถูกถามเมื่อจะขึ้นไปบนฟ้าชั้นที่หนึ่ง โดยที่……
- ชั้นที่หนึ่ง ได้พบกับ นะบีอาดัม
- ชั้นที่สอง ได้พบกับ นะบียะห์ยา และ นะบีอีซา
- ชั้นที่สาม ได้พบกับ นะบียูซูฟ
- ชั้นที่สี่ ได้พบกับ นะบีอิดริส
- ชั้นที่ห้า ได้พบกับ นะบีฮารูน
- ชั้นที่หก ได้พบกับ นะบีมูซา
- ชั้นที่เจ็ด ได้พบกับ นะบีอิบรอฮีม
ต่อจากนี้ไปญิบรีลได้ให้ข้าพเจ้านำหน้า ข้าพเจ้ากล่าวว่า ญิบรีล ท่านจงนำข้าพเจ้าต่อไป ญิบรีลกล่าวว่า มูฮัมมัด ท่านจงนำฉัน เพราะแท้จริงท่านมีเกียรติมากกว่าฉัน ข้าพเจ้าจึงเดินนำญิบรีลไปจนไปถึงหิญาบที่ทำด้วยทองคำ ซึ่งญิบรีลได้สั่นหิญาบนั้น แล้วได้มีเสียงถามออกมาว่า เป็นใคร? ญิบรีลตอบว่า ฉันมากับมูฮัมมัด ได้ยินเสียงมะลาอีกะฮ์ในหิญาบนั้นกล่าวว่า "อัลลอฮู่อักบัร" แล้วได้สอดมือมาใต้หิญาบนั้นเพื่ออุ้มข้าพเจ้าเข้าไปแต่เพียงผู้เดียว ข้าพเจ้าถามญิบรีลว่า ท่านอยู่ที่ไหน? ญิบรีลกล่าวว่า
“โอ้มูฮัมมัด ฉันมาได้แค่ตรงนี้ ซึ่งนี่ก็เพราะเกียรติของท่านที่ฉันได้มาถึงตรงนี้”
มะลาอีกะฮ์ได้นำข้าพเจ้าไปถึงอีกหิญาบ หนึ่งซึ่งทำด้วยมุก มะลาอีกะฮ์ที่อยู่หลังหิญาบนั้นถามว่า ท่านเป็นใคร? ได้รับคำตอบจากมะลาอีกะฮ์ที่อุ้มข้าพเจ้าไปว่า “ข้าพเจ้าคือมะลาอีกะฮ์ส่วนหน้า และนี่คือ มูฮัมมัด ศาสนทูตซึ่งเป็นชาวอาหรับ” แล้วเสียง "อัลลอฮู่อักบัร" จากมะลาอีกะฮ์ส่วนในก็ดังขึ้น แล้วได้สอดมือมาใต้หิญาบเพื่ออุ้มข้าพเจ้าเข้าไป
หิญาบแล้วหิญาบอีกหลายต่อหลายหิญาบ ซึ่งแต่ละหิญาบ มีระยะห่างกันถึงระยะทางเดินห้าร้อยปี จนข้าพเจ้าเห็นอะรัชซึ่งใหญ่โตกว่าสิ่งใด ๆ ที่เคยเห็นมา
พระองค์ได้เล่าให้ข้าพเจ้าทราบถึงประวัติของบรรดานะบีในอดีต แล้วข้าพเจ้าได้กล่าวแสดงความคารวะด้วยการกล่าว
اَلتَّحِيَّاتُ الْمُبَارَكَاتُ الصَّلَوَاتُ الطَّيِّبَاتُ لِلّهِ
อัลลอฮ์ท่านได้กล่าวตอบว่า
اَلسَّلاَمُ عَلَيْكَ اَيُّهَا النَّبِىُّ وَرَحْمَةُ اللهِ وَبَرَكَاتُهُ
ข้าพเจ้ากล่าวตอบว่า
اَلسَّلاَمُ عَلَيْنَا وَعَلَى عِبَادِ اللهِ الصَّالِحِيْنَ
แล้วพระองค์ก็ได้เรียกข้าพเจ้าว่า โอ้มูฮัมมัด ข้าฯ รับเจ้าเป็นที่รักของข้าฯ ดังที่ข้าฯ รับอิบรอฮีมเป็นคอลีลของข้าฯ และข้าฯ ได้พูดกับเจ้าดังที่ข้าฯ เคยพูดกับมูซา และข้าฯ ขอบอกแก่เจ้าว่า ข้าฯ ได้ทำให้ประชากรของเจ้าเป็นประชากรที่ดีที่สุดในมวลประชากรที่เคยมี ข้าฯ ให้พวกเขาเป็นประชากรที่มีลักษณะอันเป็นมัชฌิมา พวกเขาคือเบื้องแรกและเบื้องสุดท้าย เจ้าจงเอาสิ่งที่ข้าฯ บอกไปเผยแพร่ และเจ้าจงเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่มีสำนึกในบุญคุณ หลังจากนั้น พระองค์ได้ให้ข้าพเจ้ารู้ในอีกบางอย่าง ซึ่งไม่เป็นที่อนุญาตให้ข้าพเจ้าบอกกับท่านทั้งหลาย และสุดท้ายได้บัญชาให้ข้าพเจ้าและประชากรของข้าพเจ้ากระทำละหมาดวันละห้าสิบ เวลา
หลังจากช่วงต่าง ๆ นี้ผ่านพ้นไป ทุกอย่างก็หายไป คงเหลือข้าพเจ้าแต่เพียงผู้เดียว “มาซาอัลลอฮ์” ในทันใดนั้น ก็มีเสียงกังวานขึ้นว่า “จงกลับไปยังประชากรของเจ้า จงนำเรื่องที่เป็นบัญชาจากข้าฯ ไปแจ้งแก่พวกเขา”
ในเส้นทางกลับ เมื่อข้าพเจ้าถูกนำมาส่งที่ซิดร่อตุ้ลมุนตะฮา ข้าพเจ้าได้พบกับญิบรีลทั้งทางตาและทางใจ ซึ่งเห็นเขายืนอยู่เบื้องหน้าข้าพเจ้า ญิบรีลได้กล่าวแสดงความยินดีกับข้าพเจ้าในเกียรติอันสูงสุด ซึ่งไม่มีมัคลู๊กใดเคยได้รับมาก่อน ญิบรีลได้ใช้ให้ข้าพเจ้าทำการขอบคุณต่อพระเป็นเจ้า ผู้ซึ่งรักบรรดาผู้ที่มีสำนึกในบุญคุณ ข้าพเจ้าจึงขอบคุณในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้รับจากพระองค์
หลังจากนั้น ญิบรีล อะลัยฮิสลาม ได้กล่าวกับข้าพเจ้าว่า จงไปต่อโอ้มูฮัมมัด ไปดูสวรรค์ ซึ่งไม่ว่าข้าพเจ้าเห็นอะไร ญิบรีลจะอธิบายบอกให้ข้าพเจ้ารู้ถึงรายละเอียดของสิ่งนั้น ๆ ทุกอย่างหลังจากนั้น ญิบรีล อะลัยฮิสสลาม ได้นำพาข้าพเจ้าไปดูนรก ซึ่งข้าพเจ้าก็ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างทุกแดนในขุมนรกและก็เช่นกัน ญิบรีลได้บรรยายให้ข้าพเจ้ารับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในนั้น
แล้วได้นำพาข้าพเจ้าลงมาในฟ้าชั้นที่เจ็ด และลงมาตามลำดับ จนถึงฟ้าชั้นที่นะบีมูซาพำนักอยู่ ซึ่งมูซาได้ถามข้าพเจ้าว่า พระเป็นเจ้าได้บัญชาอะไรแก่ประชากรของท่านบ้าง? ข้าพเจ้าตอบว่า ละหมาดวันละห้าสิบครั้ง มูซากล่าวว่า ประชากรของท่านทำกันไม่ไหวหรอก ฉันได้เคยถูกบัญชาเช่นนี้แก่ชาวบะนีอิสรออีล ซึ่งเป็นประชากรของฉันมาแล้ว ซึ่งพบว่า พวกเขาทำกันไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ฉันได้พยายามอย่างที่สุด ดังนั้น ท่านจงกลับไปขอลดหย่อนจากพระเจ้าเถิด ข้าพเจ้าจึงกลับไปยังพระเป็นเจ้าเพื่อขอลดหย่อน ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ลดหย่อนมาให้สิบละหมาด เมื่อข้าพเจ้ามาพบมูซา มูซาก็กล่าวเช่นที่เคยกล่าว แล้วให้ข้าพเจ้าขึ้นไปขอลดหย่อนอีก ไปๆ มาๆ ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างมูซากับพระเป็นเจ้า จนสุดท้ายพระเป็นเจ้ามีบัญชาขั้นเด็ดขาดให้กระทำเพียงห้าละหมาด เมื่อมาพบมูซา มูซาก็ขอให้ข้าพเจ้าขึ้นไปขอลดหย่อนอีก โดยกล่าวว่า ฉันได้พยายามให้บะนีอิสรออีล ซึ่งคือประชากรของฉันกระทำ ปรากฏว่า พวกเขาทำกันไม่ได้ ข้าพเจ้าตอบกลับมูซาไปว่า ข้าพเจ้าอายพระเป็นเจ้าเหลือเกินแล้ว ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า มันเป็นความยินดี ยอมรับของข้าพเจ้าแล้ว
เมื่อข้าพเจ้าลาจากมูซาลงมา ข้าพเจ้าได้ยินเสียงกล่าวว่า เจ้ายินดี – ยอมรับกับคำบัญชาของข้าฯ และเจ้าได้ใช้ความพยายามลดหย่อนให้แก่บ่าวของข้าฯ ข้าฯ ขอบอกเจ้าว่า ข้าฯ จะตอบแทนผลบุญให้สิบเท่าแล้วในที่สุด ข้าพเจ้าก็ได้เดินทางกลับโดยมีญิบรีลอยู่เคียงข้างข้าพเจ้า จนข้าพเจ้ามาถึงที่พำนักเดิมที่มักกะฮ์ ญิบรีลก็จากข้าพเจ้าไป
ทั้งหมดนี้ปรากฏขึ้นในคืนวันนั้น ท่านอัซซะมักกอนดีย์ ได้เล่ามาจากมูฮัมมัด บุตรกะอับอัล-กุรซีย์ และร่อเบี๊ยะอ์ บุตรอะนัส ว่า
ท่านได้เห็นผู้อภิบาลของท่านหรือ ?
ท่านศาสดากล่าวว่า
“ ข้าพเจ้าเห็นด้วยใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นด้วยตาของข้าพเจ้า”
สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง ท่านนบี (ซ.ล.) ของเราคือสิ่งที่จะยืนยัน ประวัติศาสตร์อิสลามเป็นพยานหลักฐานที่สำคัญของปาฏิหารฺย์เหล่านี้ และเป็นหนึ่งในปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องเวลา นั้นคือ คืนอิสเราะอฺเมี๊ยะรอจคืนที่ท่านนบี (ซ.ล.) ได้เสด็จขึ้นไปยันฟ้าชั้นเจ็ด ณ. ที่ ซิรเราะตุ้ลมุ้นตาฮา เป็นที่รู้กันว่าการเดินทางนั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ มองดูแล้วเป็นเพียงการเดินทางด้วยจิตวิญญาณ แต่ในทางกลับกัน การเดินทางครั้งนี้แสดงถึงความยิ่งใหญ่ และความสำคัญ ของท่านนบี (ซ.ล.) ศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺ (ซ.บ.)
แหล่งที่มา
Layla-tul-Mira j: The Miraculous Night Journey#ปาฏิหาริย์แห่งอิสลาม_Islamic_Society_Online
Islamic Society Online
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น